กทม.เร่งซ่อมแซมศาลาที่พักผู้โดยสารถูกเผา 23 หลัง คาดสาเหตุจากการขัดผลประโยชน์กันเอง พร้อมสั่งเฝ้าระวังทั้ง 50 เขตไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อน
วันนี้ (9 มี.ค.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เดินทางไปตรวจการดำเนินการซ่อมแซมศาลาที่พักผู้โดยสารประจำทางที่ถูกเพลิงไหม้ บริเวณหน้าบึงโรงงานยาสูบ ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งถูกเผาเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2552 พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ศาลาที่พักผู้โดยสารประจำทางที่ถูกเพลิงไหม้มีจำนวนทั้งสิ้น 23 หลัง ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม 2552 ซึ่งขณะนี้ได้ซ่อมแซมให้สามารถใช้ได้ตามปกติแล้ว 5 จุดซึ่งรวมจุดหน้าบึงโรงงานยาสูบ ถ.รัชดาภิเษกด้วย ส่วนที่เหลืออีก 18 จุด จะเร่งดำเนินการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ตามปกติในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กทม.ได้เข้าแจ้งความดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ก่อเหตุแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นในเรื่องของผลประโยชน์ ก่อนที่จะสามารถจับกุมชาวต่างชาติผู้ก่อเหตุได้ในวันนี้
“ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในวันนี้ หวังว่าจะเป็นผู้ที่เป็นต้นเหตุจริงๆ เพราะว่าประเด็นที่ตำรวจตั้งไว้ก่อนหน้านี้ มีเรื่องผลประโยชน์ด้วย ก็ขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะหากจับผู้ก่อเหตุได้แล้วไม่เกิดเหตุอีก ก็ถือว่าโชคดี จับคนร้ายได้ถูกต้อง แต่ถ้ายังเกิดเหตุอีก กทม.ก็ต้องหามาตรการเฝ้าระวังต่อไป ซึ่งล่าสุดได้ออก ว.8 เตือนไปทั้ง 50 เขต ให้กำชับเจ้าหน้าที่หมั่นออกตรวจตราในพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังเหตุผิดปกติ เพื่อเข้าระงับเหตุได้ทันท่วงที” นายธีระชนกล่าว
วันนี้ (9 มี.ค.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เดินทางไปตรวจการดำเนินการซ่อมแซมศาลาที่พักผู้โดยสารประจำทางที่ถูกเพลิงไหม้ บริเวณหน้าบึงโรงงานยาสูบ ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งถูกเผาเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2552 พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ศาลาที่พักผู้โดยสารประจำทางที่ถูกเพลิงไหม้มีจำนวนทั้งสิ้น 23 หลัง ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม 2552 ซึ่งขณะนี้ได้ซ่อมแซมให้สามารถใช้ได้ตามปกติแล้ว 5 จุดซึ่งรวมจุดหน้าบึงโรงงานยาสูบ ถ.รัชดาภิเษกด้วย ส่วนที่เหลืออีก 18 จุด จะเร่งดำเนินการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ตามปกติในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กทม.ได้เข้าแจ้งความดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ก่อเหตุแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นในเรื่องของผลประโยชน์ ก่อนที่จะสามารถจับกุมชาวต่างชาติผู้ก่อเหตุได้ในวันนี้
“ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในวันนี้ หวังว่าจะเป็นผู้ที่เป็นต้นเหตุจริงๆ เพราะว่าประเด็นที่ตำรวจตั้งไว้ก่อนหน้านี้ มีเรื่องผลประโยชน์ด้วย ก็ขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะหากจับผู้ก่อเหตุได้แล้วไม่เกิดเหตุอีก ก็ถือว่าโชคดี จับคนร้ายได้ถูกต้อง แต่ถ้ายังเกิดเหตุอีก กทม.ก็ต้องหามาตรการเฝ้าระวังต่อไป ซึ่งล่าสุดได้ออก ว.8 เตือนไปทั้ง 50 เขต ให้กำชับเจ้าหน้าที่หมั่นออกตรวจตราในพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังเหตุผิดปกติ เพื่อเข้าระงับเหตุได้ทันท่วงที” นายธีระชนกล่าว