ครม.ไฟเขียว หอภาพยนตร์เป็นองค์การมหาชน ประเดิมทุนให้งบตั้งตัว 29 ล้านบาท กรมศิลป์ เร่งถ่ายโอนสมบัติชาติคืน ส่วน ขรก.สังกัดเก่าจะย้ายหรือไม่ตามแต่สมัครใจ
วันนี้ (3 มี.ค.) นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) พ.ศ..... ตามที่ วธ.เสนอ เพื่อจัดตั้งหอภาพยนตร์แห่งชาติ กรมศิลปากร เป็นองค์การมหาชน เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการดูแลและเก็บรวบรวมฟิล์มภาพยนตร์ต่างๆ ของประเทศ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งยังเป็นหน่วยงานที่การดำเนินงานอนุรักษ์ และบริการด้านข้อมูลภาพยนตร์ ดังนั้น การที่หอภาพยนตร์แห่งชาติได้เป็นองค์การมหาชนก็จะมีความคล่องตัวในการทำงาน
ส่วนสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มีดังนี้ คือ 1.กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารหอภาพยนตร์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ 2.กำหนดให้ทุนในการดำเนินกิจการของหอภาพยนตร์ได้ทรัพย์สิน สิทธิ ที่หอภาพยนตร์แห่งชาติ มีอยู่ก่อนเป็นขององค์การมหาชน และทุนประเดิมจากรัฐและเงินอุดหนุนทั่วไป 3.ให้รัฐมนตรีว่าการ วธ. เป็นผู้กำกับดูแล และดำเนินการโอนกิจการทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และเงินงบประมาณของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานหอภาพยนตร์ไปเป็นของหอภาพยนตร์
นายธีระ กล่าวอีกว่า สำหรับงบประมาณในการดำเนินการในช่วงเริ่มแรก 6 เดือน รัฐจะสนับสนุนงบประมาณ 29 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างพื้นฐาน สถานที่ปฏิบัติงาน โดยแบ่งเป็นงบบุคลากร 6,000,000 บาท และงบประมาณในการดำเนินงาน 23,325,000 บาท ทั้งนี้หลังจากนี้จะนำร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
นายปรารพ เหล่าวาณิช รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ภายหลังหอภาพยนตร์แห่งชาติแยกออกจากกรมศิลปากรเป็นองค์การมหาชน จะตั้งคณะกรรมการเพื่อเข้าไปโอนทรัพย์สินมายังสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ อาทิ ฟิล์มภาพข่าว ฟิล์มเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 7 ซึ่งฟิล์มที่สำคัญมีอยู่ประมาณ 500 ม้วน จากทั้งหมดประมาณ 2 แสนม้วน รวมทั้งบัญชีมูลนิธิหนังไทย ส่วนการโอนย้ายของข้าราชการ บุคลากรจะขึ้นอยู่ตามความสมัครใจว่าจะย้ายไปอยู่องค์การมหาชนหรือจะอยู่กับกรมศิลปากรต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหอภาพยนตร์จะเป็นองค์การมหาชน แต่ก็ยังขึ้นอยู่กับ วธ. โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน และตั้งคณะกรรมการจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 11 คน เพื่อมาดูแลและบริหารจัดการ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีตัวแทนกลุ่มเพื่อนหอภาพยนตร์ จากมูลนิธิหนังไทย เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลพร้อมชูป้ายที่มีข้อความสนับสนุนการยกหอภาพยนตร์แห่งชาติเป็นองค์การมหาชน โดยกลุ่มเพื่อนหอภาพยนตร์เปิดเผยว่า หากหอภาพยนตร์แห่งชาติได้ยกระดับเป็นองค์การมหาชน จะสามารถแก้ปัญหาให้กับหอภาพยนตร์ได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่เก็บฟิล์มไม่เพียงพอ งบประมาณและบุคลากรไม่เพียงพอ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ทำให้ภาระของหอภาพยนตร์แห่งชาติไม่สามารถรองรับปัญหาต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะภาพยนตร์ในราชสำนักที่มีความสำคัญต่อคนไทย และสามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที่ดีได้