สธ.ส่งหน้ากากอนามัยป้องกันการสูดฝุ่นควันไฟให้ 8 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 200,000 ชิ้น ให้สถานพยาบาลทุกแห่งดูแลผู้เจ็บป่วยจากโรคทางเดินหายใจอย่างเต็มที่ และให้ อสม.ทุกหมู่บ้านรณรงค์ลดการเผาขยะ เผาหญ้า จนถึงขณะนี้จำนวนผู้เจ็บป่วยจากควันไฟเพิ่มขึ้นจากปกติประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว แต่ไม่มีใครมีอาการรุนแรง
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการดูแลผลกระทบสุขภาพประชาชนใน 8 จังหวัดภาคเหนือได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน จากปัญหาฝุ่นละอองควันไฟว่า ขณะนี้ได้ให้กรมควบคุมโรคจัดส่งหน้ากากอนามัยจำนวน 200,000 ชิ้น ไปให้สำนักงานควบคุมป้องกันโรคเขต 10 จังหวัดเชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นศูนย์กลางแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ที่มีปัญหาปริมาณฝุ่นควันสูงเกินค่ามาตรฐาน ใช้ป้องกันการสูดฝุ่นละอองควันอันตรายเข้าสู่ร่างกาย
จากการติดตามสถานการณ์ปัญหามลพิษทางอากาศ พบว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนหรือที่เรียกว่าพีเอ็มเทน (PM10) เกินค่ามาตรฐาน ยังขึ้นๆลงๆ แต่อย่างไรก็ตามสภาพอากาศในระยะจากนี้ไปจะร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้ปริมาณฝุ่นมีมากขึ้นได้ ได้ให้สถานพยาบาลทุกระดับ ตั้งแต่โรงพยาบาลประจำจังหวัด จนถึงสถานีอนามัยทุกแห่งที่อยู่ในหมู่บ้านต่างๆ เฝ้าระวังปัญหาการเจ็บป่วย และให้การดูแลรักษาประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งสถานพยาบาลแต่ละแห่งมียาและเวชภัณฑ์อยู่แล้ว สามารถให้การรักษาได้ทันที นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุข รณรงค์ไม่ให้ชาวบ้านเผาป่า เผาขยะหรือเผาหญ้า เพื่อลดจำนวนฝุ่นละอองในอากาศให้น้อยลง และลดผลกระทบต่อสุขภาพด้วย
ทางด้านนายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ อธิบกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน กรมควบคุมโรคได้จัดทำคู่มือการดูแลสุขภาพเบื้องต้นจากปัญหาฝุ่นละอองควันไฟ แจกจ่ายไปให้หมู่บ้านต่างๆแล้ว 50,000 ชุด สำหรับผลการเฝ้าระวังจำนวนผู้เจ็บป่วยจากควันไฟครั้งนี้ พบว่าเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติเล็กน้อย กล่าวคือที่จังหวัดเชียงราย เพิ่มขึ้นประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ที่จังหวัดลำปาง เพิ่มขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจอยู่แล้วได้แก่ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคถุงลมปอดโป่งพอง แต่ไม่มีใครมีอาการรุนแรง
นายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่มีปัญหาฝุ่นละอองควันไฟ ไม่ว่าจะสูงเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ก็ตาม กลุ่มประชาชนที่อาจเจ็บป่วยได้ง่ายจากฝุ่นละอองควันไฟ ซึ่งมี 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 คือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด ถุงลมปอดโป่งพอง เนื่องจากหากสูดฝุ่นละอองเข้าไปจะกระตุ้นทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น กลุ่มที่ 2 คือผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ในวัยที่อวัยวะในร่างกายเสื่อมลงตามอายุ และกลุ่มที่ 3 คือเด็กเล็ก เนื่องจากยังดูแลตัวเองไม่เป็น ระบบทางเดินหายใจยังเจริญไม่เต็มที่ จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากมองเห็นว่ามีฝุ่นละอองในอากาศมาก ควรอยู่ในบ้าน งดออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกไปในที่โล่งแจ้ง ขอให้สวมหน้ากากอนามัย ถ้าไม่มีสามารถใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำหมาดๆ ปิดปากปิดจมูก ก็จะช่วยป้องกันการสูดฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกายได้