นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงมาตรการดูแลผลกระทบสุขภาพประชาชนใน 8 จังหวัดภาคเหนือ จากปัญหาฝุ่นละอองหมอกควันไฟ ว่า ได้สั่งการกรมควบคุมโรคสำรองหน้ากากอนามัยจำนวน 200,000 ชิ้น เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหาปริมาณฝุ่นหมอกควันสูงเกินค่ามาตรฐาน เพื่อป้องกันไม่ให้สูดฝุ่นควันเข้าร่างกาย ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า มีปัญหามลพิษทางอากาศ ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน หรือที่เรียกว่าพีเอ็มเทน (PM10) เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งตรวจวัดโดยกรมควบคุมมลพิษ โดยปริมาณฝุ่นละอองจะแตกต่างกันในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม ได้ให้สถานพยาบาลทุกระดับ ตั้งแต่สถานีอนามัยจนถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดทุกแห่ง เฝ้าระวังปัญหาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ และให้การดูแลรักษาอย่างเต็มที่ ซึ่งสถานพยาบาลแต่ละแห่งมียาและเวชภัณฑ์อยู่แล้ว สามารถให้การรักษาได้ทันที
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุข รณรงค์ไม่ให้ชาวบ้านเผาป่า เผาขยะหรือเผาหญ้า เพื่อลดจำนวนฝุ่นละอองในอากาศให้น้อยลง และลดผลกระทบต่อสุขภาพ
ด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังจำนวนผู้เจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ยังไม่พบผิดปกติ เช่น ที่จังหวัดลำพูน ตลอดเดือนมกราคม พ.ศ. 2551 มีทั้งหมด 29,190 ราย ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีจำนวน 29,200 คน กรมควบคุมโรคได้จัดสรรหน้ากากอนามัยให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต 10 จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน จำนวน 50,000 ชิ้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่มีปัญหาฝุ่นละอองควันไฟ ไม่ว่าจะสูงเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ก็ตาม กลุ่มประชาชนที่อาจเจ็บป่วยได้ง่ายจากฝุ่นละอองควันไฟ ซึ่งมี 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 คือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด ถุงลมปอดโป่งพอง เนื่องจากหากสูดฝุ่นละอองเข้าไปจะกระตุ้นทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น กลุ่มที่ 2 คือผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ในวัยที่อวัยวะในร่างกายเสื่อมลงตามอายุ และกลุ่มที่ 3 คือเด็กเล็ก เนื่องจากยังดูแลตัวเองไม่เป็น ระบบทางเดินหายใจยังเจริญไม่เต็มที่ จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากมองเห็นว่ามีฝุ่นละอองในอากาศมาก ควรอยู่ในบ้าน งดออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกไปในที่โล่งแจ้ง ขอให้สวมหน้ากากอนามัย ถ้าไม่มีขอให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำหมาดๆ ปิดปากปิดจมูก เพื่อช่วยให้กรองฝุ่นละอองได้ดีขึ้น โดยกรมควบคุมโรคได้จัดทำเอกสารแนะนำการดูแลสุขภาพและการปฏิบัติตัวสำหรับประชาชน แจกจ่ายไปยังโรงพยาบาล สถานีอนามัยใน 8 จังหวัดแล้ว
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุข รณรงค์ไม่ให้ชาวบ้านเผาป่า เผาขยะหรือเผาหญ้า เพื่อลดจำนวนฝุ่นละอองในอากาศให้น้อยลง และลดผลกระทบต่อสุขภาพ
ด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังจำนวนผู้เจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ยังไม่พบผิดปกติ เช่น ที่จังหวัดลำพูน ตลอดเดือนมกราคม พ.ศ. 2551 มีทั้งหมด 29,190 ราย ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีจำนวน 29,200 คน กรมควบคุมโรคได้จัดสรรหน้ากากอนามัยให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต 10 จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน จำนวน 50,000 ชิ้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่มีปัญหาฝุ่นละอองควันไฟ ไม่ว่าจะสูงเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ก็ตาม กลุ่มประชาชนที่อาจเจ็บป่วยได้ง่ายจากฝุ่นละอองควันไฟ ซึ่งมี 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 คือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด ถุงลมปอดโป่งพอง เนื่องจากหากสูดฝุ่นละอองเข้าไปจะกระตุ้นทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น กลุ่มที่ 2 คือผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ในวัยที่อวัยวะในร่างกายเสื่อมลงตามอายุ และกลุ่มที่ 3 คือเด็กเล็ก เนื่องจากยังดูแลตัวเองไม่เป็น ระบบทางเดินหายใจยังเจริญไม่เต็มที่ จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากมองเห็นว่ามีฝุ่นละอองในอากาศมาก ควรอยู่ในบ้าน งดออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกไปในที่โล่งแจ้ง ขอให้สวมหน้ากากอนามัย ถ้าไม่มีขอให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำหมาดๆ ปิดปากปิดจมูก เพื่อช่วยให้กรองฝุ่นละอองได้ดีขึ้น โดยกรมควบคุมโรคได้จัดทำเอกสารแนะนำการดูแลสุขภาพและการปฏิบัติตัวสำหรับประชาชน แจกจ่ายไปยังโรงพยาบาล สถานีอนามัยใน 8 จังหวัดแล้ว