xs
xsm
sm
md
lg

อู๊ดด้า สั่ง ก.ค.ศ.-คุรุสภา ดึงหัวกะทิเป็นแม่พิมพ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“จุรินทร์” มอบ ก.ค.ศ.และคุรุสภา หาแนวทางจูงใจคนเก่งเข้ามาเป็นครู โดยอาจปรับระเบียบและหลักเกณฑ์ในการอบรมเพื่อให้ได้วุฒิทางการศึกษาในระยะเวลา 3 ถึง 6 เดือน เพื่อให้คนเก่งมีวุฒิครูทำการสอนได้ พร้อมให้พิจารณาแนวทางเพิ่มค่าตอบแทนด้วย วางเป้าหมายเด็กจบ ป.3 และป.4 ต้องอ่านเขียนคล่อง


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการจูงใจให้คนเก่ง โดยเฉพาะในสาขาวิชาเฉพาะที่ต้องการความเชี่ยวชาญ อาทิ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ หรือวิศวกรเข้ามาเป็นครูได้ง่ายขึ้น เพราะกระทรวงศึกษาธิการต้องการผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเหล่านี้เข้ามาเป็นครู เพื่อเพิ่มคุณภาพการศึกษา แต่เนื่องจากปัจจุบันมีระเบียบกำหนดไว้ว่าหากจะมาเป็นครูต้องไปอบรมเพื่อให้ได้วุฒิทางการศึกษาเพิ่มเติมเป็นเวลา 1 ปีจึงจะสามารถมาเป็นครูได้ ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่เอื้อให้คนเหล่านี้เข้ามาเป็นครู ที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) และคุรุสภา ไปหารือร่วมกันว่าจะมีแนวทางอย่างไร ทั้งนี้ อาจจะต้องมีการปรับระเบียบและหลักเกณฑ์ใหม่ในการอบรมเพื่อให้ได้วุฒิทางการศึกษาใหม่ โดยอาจจะจัดเป็นการอบรมเข้ม 3 เดือน หรือ 6 เดือน เพื่อดึงคนเก่งเหล่านี้เข้ามาเป็นครูมากขึ้น รวมทั้งไปพิจารณาเรื่องของค่าตอบแทนด้วยว่าจะมีแนวทางในการจูงใจอย่างไร โดยให้นำกลับมาเสนอต่อที่ประชุมในการประชุมนัดหน้า

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานผลการวิจัยโครงการศึกษาแนวโน้มการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (TIMSS) ประจำปี 2550 ที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดทำร่วมกับนานาชาติ 60 ประเทศ ซึ่งวิชาวิทยาศาสตร์ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 21 และคณิตศาสตร์ อันดับที่ 29 โดยอันดับลดลงทั้ง 2 วิชา จึงได้หารือว่าจะมีการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้ดีขึ้นได้อย่างไร โดยได้ข้อสรุปว่าจะกำหนดเป้าหมายให้เด็กที่จบ ป.3 และ ป.4 อย่างน้อยต้องอ่านและเขียนคล่อง รวมทั้งคิดเลขเป็น เนื่องจากพบว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กอ่อนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เพราะอ่านโจทย์ไม่เป็น

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ตั้งคณะทำงาน โดยมีนายชัยวุฒิ บรรวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการเป็นประธานไปกำหนดรายละเอียดในการพัฒนาเด็กให้เป็นไปตามเป้าหมายใหม่ อันจะนำไปสู่การเป็นเด็กเก่ง ดี มีคุณธรรมและมีความสำนึกในความเป็นไทย และให้นำกลับมาเสนอในการประชุมนัดหน้า

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายชัยวุฒิ ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแก้ปัญหานมโรงเรียนว่า จะเป็นการประชุมเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหานมโรงเรียนทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยจะพิจารณาทั้งระบบไม่ได้มุ่งเน้นแก้ปัญหาเฉพาะเรื่องการทุจริตอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องนมล้นตลาด การบริหารจัดการ และการควบคุมดูแลด้วย เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้นมโรงเรียนมีคุณภาพมาตรฐาน และการดำเนินงานมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และโปร่งใสที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น