xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายสลัม 4 ภาค จี้ พอช.ลดดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านมั่นคง “อิสสระ” สั่งเบรกโครงการใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เครือข่ายสลัม 4 ภาค” บุกพบ พม.จี้ พอช.ปรับลดดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านมั่นคง จากร้อยละ 6 เป็นร้อยละ 4 ต่อปีเช่นเดิม เสนอรัฐบาลเพิ่มงบสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ พอช.ปล่อยกู้พันล้าน “อิสสระ” สั่งเบรกบ้านมั่นคงโครงการใหม่ ชะลอขึ้นดอกเบี้ย รับปากนำเรื่องถกนายกฯ พร้อมเร่งช่วยกรณีพิเศษผู้ที่อยู่ระหว่างการถูกไล่ที่ ด้าน พอช.ระบุ สลัมถูกไล่รื้อต้องเร่งช่วยกว่า 100 แห่ง เตรียมเสนอบอร์ด พอช.พิจารณาหาทางช่วย 27 ก.พ.นี้

วันนี้ (23 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.00 น.ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เครือข่ายสลัม 4 ภาคกว่า 100 คน เดินทางขอเข้าพบนายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหาด้านชุมชนแออัดและคนจนเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลาต่อมานายอิสสระ ได้เชิญตัวแทนจากเครือข่ายสลัม 4 ภาคเข้าหารือ โดยนางประทิน เวคะวากยานนท์ ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค กล่าวว่า เครือข่ายเสนอให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปีเช่นเดิม แทนการผลักภาระให้ชาวบ้านไปกู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปี และ 2.รัฐบาลควรเพิ่มงบประมาณด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่กองทุน พอช.ในปี 2552 เป็นจำนวนเงิน 1 พันล้านบาท เพื่อให้ พอช.นำเงินมาปล่อยกู้แก่ชุมชนในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี

“รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการปล่อยสินเชื่อเงินกู้ซื้อบ้านให้กับข้าราชการในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.75 แต่ประชาชนหาเช้ากินค่ำกลับต้องแบกภาระดอกเบี้ยถึงร้อยละ 6 มันไม่ถูกต้อง ทำให้ชาวบ้านไม่อยากกู้เงินไปสร้างบ้านตามโครงการบ้านมั่นคง ซึ่งจะส่งผลเป็นลูกโซ่ เมื่อกู้เงินไปสร้างบ้านมั่นคงในที่ใหม่ไม่ได้ ก็จะไม่มีการย้ายออกจากที่เดิม อย่างพื้นที่ที่อยู่ในตอนนี้ก็ต้องโดนเวนคืนที่ดิน เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งกำลังถูกไล่รื้อ ชาวบ้านก็จะไม่ยอมย้ายออก เพราะไม่มีเงินไปสร้างที่อยู่ใหม่ และหากต้องกู้ก็ต้องเจอกับดอกเบี้ยที่สูง แต่หากปรับลดดอกเบี้ยโครงการบ้านมั่นคงเหลือร้อยละ 4 เช่นเดิม พวกเราก็ยินดีย้ายออกไปแล้วกู้เงินไปสร้างบ้านมั่นคงพื้นที่ใหม่”นางประทิน กล่าว

นายอิสสระ กล่าวว่า ตนรับหลักการตามข้อเสนอจะนำมาพิจารณาเพื่อหาทางแก้ไข ในระหว่างนี้ ขอให้ พอช.ระงับการอนุมัติโครงการบ้านมั่นคงที่เสนอเข้ามาใหม่ไว้ก่อน และชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ก่อนนำเรื่องไปหารือ ประสานกับนายกรัฐมนตรีว่าจะนำเงินจากส่วนไหนมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน แต่ให้เร่งช่วยเหลือโครงการบ้านมั่นคงที่เข้าข่ายเร่งด่วน คือ ได้รับการอนุมัติดำเนินโครงการแล้ว และอยู่ในระหว่างการไล่ รื้อพื้นที่ ซึ่งเท่าที่ทราบในวันที่ 27 ก.พ.นี้ บอร์ด พอช.จะพิจารณาในเรื่องนี้ ในส่วนการพิจารณาเรื่องคนไร้ที่อยู่ และเกณฑ์การสร้างบ้านมั่นคง ตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุป แต่ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการ โดยมีตัวแทนจากชาวบ้าน 5 คน และตัวแทนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง มาหารือถึงทางออกต่อไป

ด้าน นายสยาม นนท์คำจันทร์ ผู้จัดการสำนักงานโครงการบ้านมั่นคง พอช.กล่าวว่า ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ จะมีการประชุมอนุคณะกรรมการสินเชื่อของ พอช.ก่อนนำเรื่องเข้าสู่บอร์ด พอช.ในวันที่ 27 ก.พ.นี้ ซึ่งจะพิจารณาหลักการให้ความช่วยเหลือ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กรณีเร่งด่วนที่อยู่ระหว่างการถูกไล่รื้อพื้นที่ ทั่วประเทศมีประมาณกว่า 100 โครงการ 2.โครงการที่ซื้อที่ดินแล้วแต่ยังไม่สร้างบ้านมีอีกประมาณ 100 โครงการ และ 3.โครงการที่ขออนุมัติใหม่ ซึ่งเสนอเข้ามาที่ พอช.เดือนละ 20-30 โครงการ

นายสยาม กล่าวอีกว่า เดิม พอช.สามารถปล่อยกู้ให้ชาวบ้านในโครงการบ้านมั่นคงในอัตราร้อยละ 4 ต่อปีได้ เนื่องจากใช้เงินในกองทุน พอช.ที่มีประมาณ 3 พันล้านบาท แต่ดำเนินการไปได้ประมาณ 7 หมื่นหน่วย ขณะนี้เงินในกองทุนของ พอช.หมดแล้ว และเงินที่เข้ามาก็มาจากส่วนที่ชาวบ้านชำระเงินกู้คืนเดือนละ 15 ล้านบาทเท่านั้น โดยในสมัย นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม เป็น รมว.พม.รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณให้ พอช. 500 ล้านบาท พอช.ได้นำไปเป็นเงินค้ำประกันกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อให้ปล่อยกู้ให้กับชาวบ้าน ซึ่งเป็นธนาคารเดียวที่ยอมปล่อยกู้ให้ชาวบ้านในโครงการบ้านมั่นคง ขณะที่ธนาคารอื่น เห็นว่า ชาวบ้านกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงไม่มีรายได้แน่นอน โดยให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6

“พอช.จำเป็นต้องดึงระบบธนาคารเข้ามาปล่อยกู้ให้กับประชาชนที่ต้องการเข้าโครงการบ้านมั่นคง เพราะเงินในกองทุนพอช.ไม่มีเหลือที่จะปล่อยกู้ให้ชาวบ้านโดยตรง แต่หากรัฐบาลสนับสนุนเงินเข้ามาสู่กองทุน พอช.ก็สามารถเสนอให้คณะกรรมการบริการพอช.มีมติลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 4 เช่นเดิมได้ ซึ่งที่ผ่านมา พอช.ได้พยายามเสนอของบประมาณจากรัฐบาลมาเพิ่มเติมเงินกองทุน 200 -300 ล้านบาทต่อเดือน แต่เนื่องจากเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยจึงยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้”นายสยาม กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น