เลือก “ภูเก็ต” จังหวัดปลอด 4 โรค อุจจาระร่วง ไข้เลือดออก โรคพิษสุนัขบ้า โรคทางเดินหายใจ ส่งเสริมเที่ยวไทยปลอดโรค ข้อตกลงการประชุมอาเซียนซัมมิต
นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14 หรือ อาเซียน ซัมมิต มีการหารือโครงการความร่วมมือส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว โดยประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียน ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี จะคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ทำให้พื้นที่นี้เป็น “healthy tourism” ที่มีความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน
ในส่วนของประเทศไทยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้คัดเลือก จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่ที่จะต้องพัฒนาและควบคุมไม่ให้เป็นแหล่งแพร่โรค ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการและมีการปรึกษาหารือเป็นระยะๆ
นพ.คำนวณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ โรคที่มีปัญหาร่วมกันซึ่งต้องเฝ้าระวัง 1.โรคอุจจาระร่วง ซึ่งเกิดจากการรับประทานอาหาร และน้ำที่ไม่สะอาด เพราะขาดแคลนน้ำประปา 2.โรคไข้เลือดออก ซึ่งมีพาหะมาจากยุง มีนักท่องเที่ยวถูกยุงกัดแล้วกลายเป็นโรคไข้เลือดออก 3.โรคพิษสุนัขจรจัด โดยมีการควบคุมดูแลสุนัขจรจัดเพราะอาจมีโรคพิษสุนัขบ้า 4.โรคทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ โรคลีเจียนแนร์
“ประเทศในกลุ่มอาเซียน ถือเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว เนื่องจากมีความสวยงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรม เพียงแต่ต้องระมัดระวังไม่ให้มาเที่ยวแล้วติดโรคติดต่อกลับไป เพราะหากนักท่องเที่ยว ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ติดไข้เลือดออก ก็จะพูดต่อๆ กัน ทำให้ประเทศเสียภาพพจน์ ซึ่งหากภูเก็ตเป็นพื้นที่ปลอดโรคนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกก็สามารถมาท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ ไว้ใจได้ว่าปลอดภัยจากโรคต่างๆ” นพ.คำนวณ กล่าว
นพ.คำนวณ กล่าวอีกว่า อย่างกรณีโรคลีเจียนแนร์ ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจนั้น พบว่า ชาวต่างชาติจะป่วยเป็นโรคปอดบวมหลังจากเข้าพักอยู่ในโรงแรม ซึ่งหากต่างชาติพบว่ามีการติดโรคติดต่อจากการมาท่องเที่ยวจะมีการบันทึกเอาไว้ เป็นกติกาว่าทัวร์ต่างชาติจะไม่นำนักท่องเที่ยวมาในพื้นที่ที่มีโรคติดต่อจนกว่าจะสามารถจัดการให้เป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัย ซึ่งหากมีการแก้ไขปรับปรุงไม่ปล่อยปัญหาให้เกิดขึ้นซ้ำซากก็จะม่เกิดผลกระทบกับการท่องเที่ยว โดยในปีที่ผ่านมาพบว่ามีชาวต่างชาติเป็นโรคลีเจียนแนร์ประมาณ 5-7 ราย ส่วนโรคไข้เลือดออกเฉพาะชาวสวีเดนพบว่ามีผู้ป่วยประมาณ 10 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนไม่มาก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผู้ป่วยเพียงรายเดียวก็จะถูกขึ้นบัญชีไว้
นพ.คำนวณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หัวใจอยู่ที่ผู้ประกอบการ และท้องถิ่นจะต้องร่วมมือกันในฐานะผู้ลงมือปฏิบัติ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ชาวบ้านหันมาให้ความสำคัญกับการจัดการโรคภัยต่างๆ โดยชี้ให้เห็นว่าแม้ธรรมชาติจะสวยแค่ไหนหากในพื้นที่นั้น มี ยุง สุนัขจรจัด ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ นักท่องเที่ยวก็จะไม่มาเที่ยว ซึ่งปัจจุบันการแข่งขันเรื่องการท่องเที่ยวสูงมากขึ้นเรื่อยๆ นักท่องเที่ยวก็อาจเลือกไปเที่ยวประเทศอื่นได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ภูเก็ตมีความพร้อมและมีศักยภาพเพียงพอในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดจากโรค หากมีความตั้งใจจริง
