เลขาฯ “จุรินทร์” โวยถูกอ้างชื่อกินหัวคิว ซื้อหนังสือ-ย้ายครูหัวละแสนในพื้นที่ภาคใต้และอีสาน ส่งทนายความแจ้งความกองปราบฯ หวั่นมิจฉาชีพได้ใจ ย้ำ รมว.ศธ.มีนโยบายชัด ห้ามผู้บริหารยุ่งเกี่ยวจัดซื้อหนังสือแบบเรียน หากผู้บริหารสถานศึกษาพบพฤติกรรมดังกล่าวให้แจ้งความเอาผิดได้ทันที ชี้ เรียนฟรียังไม่เริ่มก็เกิดปัญหาแอบอ้างแล้ว
นายสุธรรม นทีทอง เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้มอบอำนาจให้ทนายความ เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เนื่องจากตนได้รับแจ้งว่า มีการแอบอ้างชื่อของตนเข้าไปหาผลประโยชน์จากสถานศึกษาหลายแห่ง ในหลายพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่า หากไม่มีการดำเนินการทางกฎหมาย อาจทำให้ปัญหาลุกลามมากขึ้นได้ โดยกรณีที่เกิดขึ้นเกิดในหลายจังหวัดของภาคใต้ อาทิ กระบี่ พังงา ภูเก็ต มีบริษัทเอกชนนำชื่อตนในฐานะเลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ ไปแอบอ้างโดยระบุว่าเป็นเพื่อนของตน และตนแนะนำให้เข้าไปขายสินค้าในโรงเรียน อาทิ หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน และบังคับให้ทางโรงเรียนซื้อสินค้า แต่ทางผู้บริหารสถานศึกษาไม่ได้หลงเชื่อ และได้สอบถามมายังตน ว่า มีการส่งคนไปติดต่อที่โรงเรียนหรือไม่
นอกจากนั้น ยังมีสถานศึกษาในกรุงเทพฯ และจังหวัดแถบภาคอีสาน ที่นำชื่อตนไปแอบอ้าง อาทิ ฝากเด็ก โยกย้ายข้าราชการครู โดยเรียกเก็บเงินแลกกับการวิ่งเต้นหัวละ 1 แสนบาท อีกทั้งยังมีบริษัทผู้รับเหมาวิ่งของบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างกับทางสถานศึกษาโดยอ้างว่าตนเป็นผู้แนะนำด้วย
“เท่าที่ทราบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ไม่ทราบว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ซึ่งถือว่าโชคดีที่ผู้บริหารไม่ได้หลงเชื่อ และตรวจสอบมาที่ผมก่อน ทำให้สถานศึกษายังไม่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก จึงต้องเข้าแจ้งความไว้กับกองปราบปราม เพื่อให้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ที่แอบอ้างต่อไป เพราะขณะนี้ยังไม่เริ่มเทศกาลโยกย้าย หรือจัดซื้อหนังสือ อุปกรณ์การเรียนตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ของ รมว.ศึกษาธิการ ก็ยังเกิดเหตุการณ์แอบอ้างขึ้น หากเริ่มดำเนินการให้โรงเรียนจัดซื้อตามนโยบายเรียนฟรีแล้วอาจเกิดปัญหามากขึ้นได้” นายสุธรรม กล่าว
เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ขอฝากไปยังผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่งว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ ให้นโยบายชัดเจนในเรื่องความซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยได้กำชับเลยว่า ห้ามให้ผู้บริหาร และบุคลากรของ ศธ.ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างในทุกกรณีอย่างเด็ดขาด ดังนั้น หากผู้บริหารสถานศึกษาคนใดพบพฤติกรรมดังกล่าวขอให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีทันที หรือแจ้งผ่านทางสายด่วน ศธ.1579 ได้
นายสุธรรม นทีทอง เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้มอบอำนาจให้ทนายความ เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เนื่องจากตนได้รับแจ้งว่า มีการแอบอ้างชื่อของตนเข้าไปหาผลประโยชน์จากสถานศึกษาหลายแห่ง ในหลายพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่า หากไม่มีการดำเนินการทางกฎหมาย อาจทำให้ปัญหาลุกลามมากขึ้นได้ โดยกรณีที่เกิดขึ้นเกิดในหลายจังหวัดของภาคใต้ อาทิ กระบี่ พังงา ภูเก็ต มีบริษัทเอกชนนำชื่อตนในฐานะเลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ ไปแอบอ้างโดยระบุว่าเป็นเพื่อนของตน และตนแนะนำให้เข้าไปขายสินค้าในโรงเรียน อาทิ หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน และบังคับให้ทางโรงเรียนซื้อสินค้า แต่ทางผู้บริหารสถานศึกษาไม่ได้หลงเชื่อ และได้สอบถามมายังตน ว่า มีการส่งคนไปติดต่อที่โรงเรียนหรือไม่
นอกจากนั้น ยังมีสถานศึกษาในกรุงเทพฯ และจังหวัดแถบภาคอีสาน ที่นำชื่อตนไปแอบอ้าง อาทิ ฝากเด็ก โยกย้ายข้าราชการครู โดยเรียกเก็บเงินแลกกับการวิ่งเต้นหัวละ 1 แสนบาท อีกทั้งยังมีบริษัทผู้รับเหมาวิ่งของบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างกับทางสถานศึกษาโดยอ้างว่าตนเป็นผู้แนะนำด้วย
“เท่าที่ทราบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ไม่ทราบว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ซึ่งถือว่าโชคดีที่ผู้บริหารไม่ได้หลงเชื่อ และตรวจสอบมาที่ผมก่อน ทำให้สถานศึกษายังไม่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก จึงต้องเข้าแจ้งความไว้กับกองปราบปราม เพื่อให้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ที่แอบอ้างต่อไป เพราะขณะนี้ยังไม่เริ่มเทศกาลโยกย้าย หรือจัดซื้อหนังสือ อุปกรณ์การเรียนตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ของ รมว.ศึกษาธิการ ก็ยังเกิดเหตุการณ์แอบอ้างขึ้น หากเริ่มดำเนินการให้โรงเรียนจัดซื้อตามนโยบายเรียนฟรีแล้วอาจเกิดปัญหามากขึ้นได้” นายสุธรรม กล่าว
เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ขอฝากไปยังผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่งว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ ให้นโยบายชัดเจนในเรื่องความซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยได้กำชับเลยว่า ห้ามให้ผู้บริหาร และบุคลากรของ ศธ.ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างในทุกกรณีอย่างเด็ดขาด ดังนั้น หากผู้บริหารสถานศึกษาคนใดพบพฤติกรรมดังกล่าวขอให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีทันที หรือแจ้งผ่านทางสายด่วน ศธ.1579 ได้
