“คุณชาย” ไม่รอ! เดินหน้าฟ้องเอง ดับฝันร้ายดับเพลิงฉาว

“สุขุมพันธุ์” รออัยการสูงสุดส่งหนังสือท้วงยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถดับเพลิง เผย พร้อมทบทวนตั้งอนุญาโตตุลาการก่อนฟ้องยกเลิกสัญญา แต่ยัน กทม.พร้อมฟ้องเองในฐานะนิติบุคคล หากท้ายสุด อสส.ยังเห็นไม่ตรงกัน และยันไม่อุ้ม “อภิรักษ์” แน่นอน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทางอัยการสูงสุด (อสส.) ไม่เห็นด้วยที่กทม.จะให้อัยการฟ้องศาลเลิกสัญญาโครงการจัดซื้อรถ-เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาท เพราะอาจจะส่งผลต่อการเอาผิดผู้เกี่ยวข้องในโครงการนี้ได้เฉพาะนายโภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้ลงนามในสัญญาเอโอยูจัดซื้อรถเท่านั้น ส่วนผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆ อาจจะหลุดคดี ดังนั้น กทม.ควรดำเนินการตามสัญญา หากมีปัญหาให้ตั้งคณะอนุญาโตตุลาการมาไกล่เกลี่ยก่อนตามกระบวนการและรอให้การดำเนินคดีทางอาญาแล้วเสร็จก่อนที่จะเลิกสัญญาทางแพ่ง ว่า ปัญหาเรื่องนี้มีมานานแล้วเป็นเหมือนฝันร้ายของ กทม.

ขณะที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ระบุให้ กทม.ดำเนินการในการฟ้องศาลเลิกสัญญา และมีปัญหาเรื่องเงื่อนเวลาเร่งด่วนที่ต้องชำระค่ารถดับเพลิงงวดที่ 5 ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ ตนจึงได้ตัดสินใจทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดให้ฟ้องศาลขอความคุ้มครองสั่งธนาคากรุงไทย ระงับการจ่ายเงินงวดดังกล่าว รวมทั้งขอให้ดำเนินการในการฟ้องศาลเลิกสัญญาจัดซื้อรถในคราวเดียวกัน

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่อัยการมีการท้วงติงเพื่อให้ กทม.ดำเนินการตามขั้นตอนโดยตั้งอนุญาโตตุลาการก่อนที่จะข้ามขั้นตอนส่งฟ้องศาลเลิกสัญญาทางแพ่ง เพื่อให้สามารถเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้ทุกคน เพราะเป็นปัญหาในข้อกฎหมายที่เป็นอาญาทางแพ่งนั้น ตนคงให้ความเห็นหรือตัดสินใจที่ชัดเจนในข้อท้วงติงดังกล่าวขณะนี้ไม่ได้ เพราะอยากให้ทางอัยการสูงสุดส่งความเห็นมาที่ กทม.อย่างเป็นทางการก่อนตนถึงจะนำมาพิจารณาทบทวนได้ ซึ่งอาจจะมีการตั้งคณะอนุญาโตตุลาการมาพิจารณาปัญหาก่อนหรือท้ายที่สุดหากทางอัยการสูงสุดและกทม.มีความเห็นที่ยังสวนทางกัน กทม.ในฐานะนิติบุคคลก็สามารถฟ้องศาลขอความคุ้มครองการจ่ายเงินรวมทั้งฟ้องศาลขอเลิกสัญญาได้เอง

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าตนจะตัดสินใจอย่างไรขอยืนยันว่าตนไม่ได้คิดช่วยเหลือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.หรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่การตัดสินใจที่เกิดขึ้นเพื่อต้องการช่วยเหลือประชาชนและ กทม.ที่จะได้ยุติปัญหาเรื่องรถดับพลิงที่มีมานาน เพราะการเอาผิดผู้เกี่ยวข้องเป็นกระบวนการตรวจสอบจากภายนอกรวมทั้งเป็นกระบวนการทางศาลที่จะพิจารณาทางอาญาไม่เกี่ยวกับ กทม.ว่าจะช่วยใครได้