“ทยา” ตั้งเป้าโกยเงินจากนักท่องเที่ยว 4 แสนล้านต่อปี สั่ง ผอ.เขต เร่งสำรวจ-ปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ กระชากใจคนรักการพักผ่อน
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวระหว่างการประชุมผู้บริหารระดับสำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว (สวท.) และผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต ว่า ตามนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ที่ต้องการจะพลิกฟื้นการท่องเที่ยวกรุงเทพฯนั้น ดังนั้น สวท.ในฐานะหน่วยงานหลัก จะต้องร่วมกับสำนักงานเขตทุกเขตเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวให้ฟื้นขึ้นภายใน 4 ปี โดยตั้งเป้าว่าจะเพิ่มรายได้ด้านการท่องเที่ยว กทม.ให้ได้ 4 แสนล้านต่อปี โดยเพิ่มค่าหัวนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยว กทม.กว่า 11 ล้านคนต่อปี จากเดิมที่มีค่าใช้จ่าย 4,150 บาทต่อคนต่อวัน เป็น 4,500 บาทต่อคนต่อวัน และยืดเวลาการเดินทางเที่ยวจาก3 วัน ให้เป็น 4-5 ด้วย
นางทยา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ แนวทางที่จะทำให้เป็นรูปธรรมนั้น จะให้ผู้อำนวยการเขตทุกเขตสำรวจแหล่งท่องเที่ยว ทั้งที่มีอยู่เดิม และต้องการปรับปรุงและแหล่งท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นใหม่ มาที่ สวท.เพื่อเสนอของบประมาณจากสภา กทม.ให้มีการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวให้ดูทันสมัยน่าเที่ยวมากขึ้น โดยเน้นให้สถานที่ท่องเที่ยวมีความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเฉพาะปรับปรุงห้องน้ำให้ดูสะอาด ถูกสุขลักษณะ
นอกจากนี้ ในการปรับปรุงภูมิทัศน์ของ กทม.และเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวนั้น จะให้ผู้อำนวยการเขตทุกเขตสรุปพื้นที่ว่างเปล่าในแต่ละเขตภายใน 1 สัปดาห์ ทั้งที่เป็นพื้นที่ของ กทม.และพื้นที่เอกชน โดยในส่วนของพื้นที่เอกชน กทม.จะขอเช่าพื้นที่ เพื่อทำการปลูกต้นไม้สวยงาม เหมือนที่ เขตลาดพร้าวได้เช่าพื้นที่เอกชน ปลูกทุ่งดอกทานตะวัน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นต้น
นางทยา กล่าวด้วยว่า ส่วนด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนนั้น จะปรับปรุงศูนย์เยาวชนทั้ง 38 แห่ง โดยจะผลักดันให้เป็นศูนย์เยาวชนมิติใหม่มีลานกีฬาแบบครบวงจรเพิ่มขึ้นอีก 5 แห่งภายใน 4 ปี จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 3 แห่ง และจะขออนุมัติงบในการบริหารศูนย์เยาวชนเพิ่มเติม จาก 100,000 บาทต่อปี เป็น 300,000 บาทต่อปี เพื่อไม่ให้ประสบภาวะขาดทุนด้วย
ส่วนด้านวัฒนธรรมนั้น จะมีการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร เขตจตุจักร และหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร หรือ หอศิลป์ กรุงเทพฯ ให้มีกิจกรรมเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีประชาชนใช้ประโยชน์น้อยลง ทั้งนี้ เบื้องต้นได้พูดคุยกับคณะผู้บริหารบริษัท รักลูก แฟมมิลี่กรุ๊ป จำกัด แล้ว เพื่อหารือถึงแนวทางในการประชาสัมพันธ์ และปรับปรุงอุปกรณ์ในสถานที่ดังกล่าวให้มีความทันสมัย และให้คนกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีความสนใจด้านศิลปวัฒนธรรมไทยได้ใช้ประโยชน์จากสถานที่ทั้ง 2 แห่งนี้เพิ่มมากขึ้น