13 เม.ย.กทม.เตรียมทดสอบระบบรถไฟฟ้าไปฝั่งธนฯ จริง วิ่งเปล่าก่อนเริ่มบรรทุกคนรับเทศกาลสงกรานต์ เผย ตามเป้าเดินรถจริง 15 พ.ค.นี้ เตรียมจ้างกรุงเทพธนาคม 200 ล้านบาท บริหารจัดการ ขณะที่ตั้งญาตินายกฯ เป็นประธานบอร์ดกรุงเทพธนาคม เผยวางแผนเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนกับบีทีเอสหลังสร้างเสร็จทุกเส้นทาง
วันนี้ (28 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม จากสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ ระยะทาง 2.2 กม.โดยมี นายจุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. นายอมร กิจเชวงกุล ผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และเจ้าหน้าที่จากบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส )
นายธีระชน กล่าวว่า ในที่ประชุมมีการเร่งรัดการดำเนินการเพื่อให้สามารถทดลองเปิดเดินรถได้ตามเป้าหมายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 15 พ.ค.โดยจะมีการทดลองวิ่งรถเปล่าก่อนเป็นเวลา 1 เดือน คือ เริ่มในวันที่ 13 เม.ย.รวมเวลาเหลือการดำเนินงานอีกประมาณ 75 วัน เท่านั้น โดยบีทีเอสจะเป็นผู้ทดลองเดินรถผ่านการว่าจ้างจากบริษัท กรุงเทพธนาคม
ทั้งนี้ ในที่ประชุมมีการตกลงกันว่าจะประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในทุกสัปดาห์จากนี้ไปก่อนทดลองวิ่งรถประมาณ 10 ครั้ง และทุกครั้งจะต้องมีความคืบหน้าในเรื่องต่างๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ประมาณ 12 เรื่อง เช่น ระบบตั๋ว การซ่อมบำรุง การว่าจ้างบริษัทประกันความปลอดภัย การเตรียมบุคลากร เป็นต้น ส่วนเรื่องราคาค่าโดยสารนั้นขณะนี้ บ.กรุงเทพธนาคม อยู่ระหว่างหารือ กับ บีทีเอส เพื่อให้ค่าแรกเข้าอยู่ที่ราคา 15 บาท และเพดานราคายังอยู่ที่ 40 บาทเท่าเดิม เนื่องจากเส้นทางต่อขยายอีก 2.2 กิโลเมตรของ กทม.น่าจะเพิ่มผู้ใช้บริการให้กับบีทีเอสอีกประมาณ 100,000 คน
นายธีระชน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ประมาณการของผู้ที่จะมาใช้บริการส่วนต่อขยาย 2.2 กิโลเมตรนั้น กทม.อาจจะมีการทำผลสำรวจความคิดเห็นการเข้าใช้บริการของประชาชน ให้ทราบตัวเลข เพื่อใช้ในการอ้างอิงแก่บีทีเอส นอกจากนี้ ในเรื่องค่าโดยสารทางสภา กทม.ได้มีข้อแนะนำว่า ให้พิจารณาถึงอนาคตด้วย เนื่องจาก กทม.อยู่ระหว่างการดำเนินการสร้างสถานีเพิ่มอีกทั้งสายสุขุมวิทที่ขยายไปถึงแบริ่ง และขยายเพิ่มจากวงเวียนใหญ่-บางหว้า จากสถานี S9-S12 ให้แล้วเสร็จในสมัยนี้ ซึ่งเมื่อเส้นทางมีความสมบูรณ์แล้วน่าจะมีการคำนึงถึงการเข้าพ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่าง กทม.กับบีทีเอส เพื่อที่จะบริหารงานร่วมกัน และจะทำให้ประชาชนที่มาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นดังนั้น เรื่องราคาจึงอาจจะลดลงอีก ส่วนเรื่องตั๋วร่วมนั้นตนคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถหารือกับ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่องการขอให้กระทรวงออกกฎกระทรวง เพื่อรองรับการใช้ตั๋วร่วมแบบอิเลกทรอนิกส์
นายธีระชน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าของ กทม.จะเร่งดำเนินการว่าจ้างบริษัท กรุงเทพธนาคม เพื่อให้มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการอย่างเต็มที่ในวงเงิน 160-200 ล้านบาท/เดือน รวมทั้งมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารบริษัทกรุงเทพธนาคมอีก 4 คน ได้แก่ รศ.ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ มาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ น.ส.รสสุคนธ์ แสงอ่อน รอง ผอ.สำนักการคลัง และ ดร.ศุภชัย ตันติคม อีกทั้งน่าจะสามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดทุนของบ.กรุงเพทธนาคม ที่มีการขาดทุนถึง 6 ล้านบาทในช่วงปีที่ผ่านมา