"ไพฑูรย์" เผยงบช่วยคนตกงาน-ว่างงาน ผ่าน ครม.แล้ว 2.2 หมื่นล. เหลือ 18 โครงการ 5,000 ล. ยังต้องตัดทอน ขณะที่ เลขาธิการ สปส.เผยวิธีจ่ายเงินเข้าบัญชีตรง ไม่ผ่านบริษัท ด้านผู้นำแรงงานระบุ เงิน 2,000 บาท แก้ปัญหาได้น้อย วอนวางแผนแก้ระยะยาว
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการแนวทางการช่วยเหลือมนุษย์เงินเดือนที่เป็นสมาชิกประกันสังคม (สปส.) และบุคลากรภาครัฐ จำนวน 2,000 บาทต่อคน ว่า กระทรวงแรงงานได้เสนอ ครม.อนุมัติเงินงบประมาณในส่วนของงบประมาณกลางปี 1.1 แสนล้านบาท รวมเป็นเงิน 22,900 ล้านบาท แบ่งเป็นสองส่วน คือ
หนึ่ง-เงินช่วยเหลือค่าชีพของผู้ประกันตนจำนวน 8.01 ล้านคน รายละ 2,000 บาท เป็นเงิน 16,000 ล้านบาท โดยจะจ่ายในเดือนมีนาคม และสอง-เงินฝึกอบรมอาชีพช่วยเหลือผู้ที่ว่างงานจำนวน 6,900 ล้านบาท ตั้งเป้าจะช่วยเหลือผู้ประกันตน 500,000 คน ทั้งนี้ จะใช้เงินสำรองจ่ายไปก่อนจำนวน 120 ล้านบาท ส่วนงบประมาณจำนวน 5,000 ล้านบาท 18 โครงการ ยังต้องรอการพิจารณา
ด้าน นายปั้น วรรณวินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า อนุมัติหลักการแนวทางการช่วยเหลือมนุษย์เงินเดือนที่เป็นสมาชิกประกันสังคม (สปส.) และบุคลากรภาครัฐ จำนวน 2,000 บาทต่อคนว่า สำหรับผู้ประกันในระบบประกันสังคมขณะนี้มีอยู่จำนวน 9.3 ล้านคน และคนที่มีฐานเงินเดือนไม่เกิน 14,000 บาท ที่จะได้รับการช่วยเหลือครั้งนี้ มีจำนวน 8.01 ล้านคน โดย สปส.จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องฐานข้อมูลผู้ประกันตน พร้อมกับวางระบบเพื่อขอบัญชีเลขธนาคารของผู้ประกันทั้ง 8.01 ล้านคน แยกสมาชิกแต่ละธนาคาร
หลังจากนั้นจะนำเสนอให้กับกรมบัญชีกลางเพื่อจ่ายเงินเข้าสู่บัญชีของลูกจ้างผู้ประกันตนโดยตรง โดยไม่ผ่านฝ่ายธุรการ หรือฝ่ายบุคคลของสถานประกอบการ ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา
น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลให้เราก็จะรับไว้ แต่ยังคิดไม่ออกว่าเงินจำนวนดังกล่าวให้มาแล้วจะไปใช้จ่ายอะไรได้บ้าง อาจจะลดภาระได้บ้างนิดหน่อย อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลมองการแก้ไขปัญหาระยะยาวมากกว่า เพราะเรื่องนี้เป็นการแก้ไขปัญหาที่สั้นมาก ส่วนเรื่องการลดเงินสมทบของประกันสังคม ต้องคิดให้ดีว่ากระทบกับกองทุนชราภาพในอนาคตหรือไม่ และจำนวนเงินดังกล่าวมีเพียงลูกจ้างที่อยู่ในระบบเท่านั้นที่ได้รับการช่วยเหลือ
ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลขยายการช่วยเหลือให้กับลูกจ้างที่เป็นแรงงานนอกระบบด้วย เพราะเขาก็เป็นคนยากจนเหมือนกัน ส่วนการลดเงินสมทบลูกจ้างได้รับผลประโยชน์ไม่มาก ขณะที่นายจ้างที่มีลูกจ้างจำนวนมากได้ผลประโยชน์ไปเต็มที่