ศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกคุ้มครองชั่วคราวบอร์ดอภ.ชุด “หมอวิชัย” ส่งผลให้บอร์ด อภ.พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ พ้อเหนื่อยถอย ไม่ให้เป็นภาระทุกฝ่าย ชี้ กฎหมายมีช่องโหว่ให้ใช้อำนาจตามอำเภอใจ พลิก “บิ๊กแป๊ะ” นั่งแท่นประธานบอร์ด อภ.
จากกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) ที่มีนพ.วิชัย โชควิวัฒน เป็นประธาน และให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 29 ธันวาคม ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งทุเลาของศาลปกครองกลางที่ นพ.วิชัย โชควิวัฒน และกรรมการ อภ.อีก 4 คน ร่วมกันยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสมัย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีมติปลดบอร์ด อภ. ชุดที่ นพ.วิชัย เป็นประธาน พร้อมมีคำสั่งแต่งตั้งบอร์ด อภ.ชุดใหม่ โดยมี นายถิรชัย วุฒิธรรม เป็นประธานบอร์ด อภ.จึงมีผลให้บอร์ด อภ.ชุดที่ นพ.วิชัย เป็นประธานต้องพ้นจากตำแหน่งโดยทันที
นพ.วิชัย กล่าวว่า รับทราบคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดแล้ว และพร้อมจะปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตาม บอร์ด อภ.ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในคดีนี้เป็น 2 กรณี ซึ่งคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว เป็นเพียงคำฟ้องขอไต่สวนฉุกเฉินเท่านั้น ยังเหลือคำฟ้องหลักอยู่อีก ซึ่งตนจะหารือกับบอร์ด อภ.ว่า จะถอนคำฟ้องหลักหรือไม่ เพราะการไต่สวนต้องใช้เวลานานนับปี ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับการบริหารงานของ อภ.และตนเหนื่อยกับเรื่องนี้มามาก จึงไม่อยากให้เป็นภาระกับทุกผ่าย
นพ.วิชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มั่นใจว่า ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเป็นทิศทางเดียวกับศาลปกครองกลาง คือ สั่งคุ้มครองบอร์ด อภ.ชุดที่ตนเป็นประธาน เพราะได้มีการศึกษากฎหมายมาอย่างรอบคอบ และได้มีการตรวจสอบคำอุทธรณ์ของกระทรวงสาธารณสุขในคดีนี้อย่างละเอียด ซึ่งมีเนื้อหาหลัก คือ อำนาจของ ครม.สามารถมีคำสั่งแต่งตั้งหรือปลดบอร์ด อภ.ได้โดยไม่ต้องให้เหตุผลประกอบ ซึ่งทางตนชี้แจงเหตุผลกลับไปอย่างรัดกุม และแน่นหนาแล้ว โดยอ้างอิงถึง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ที่ระบุว่าคำสั่งปกครองใดๆ ต้องมีเหตุผลประกอบ
“ยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นช่องโหว่งทางกฎหมาย เพราะใน พ.ร.บ.องค์การเภสัชกรรม ที่ระบุว่า ครม.มีสิทธิ์ออกคำสั่งแต่งตั้ง หรือปลดบอร์ด อภ.ได้ จึงถือว่าคำสั่งหรือมติ ครม.มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในตัวทันที ซึ่งเป็นการเปิดช่องทางให้สามารถใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจโดยไม่ต้องมีเหตุผล ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรได้รับการแก้ไขกฎหมาย เพื่อเกิดความเป็นธรรมมากขึ้น” นพ.วิชัย กล่าว
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนมีแนวนโยบายให้ อภ.ผลิตยาที่มีคุณภาพ ราคาไม่แพงนำมาใช้ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ โดยขณะนี้ยังไม่แนวความคิดที่จะแต่งตั้งผู้ใดเข้ามาทำหน้าที่ประธานและคณะกรรมบอร์ด อภ.คงต้องให้เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการเดิม เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาจึงไม่สามารถลงลึกในรายละเอียดได้
ด้านนายถิรชัย วุฒิธรรม ประธานกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ชุดที่ นายไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เสนอให้ ครม.แต่งตั้งพร้อมคณะกรรมการบอร์ดอีก 13 คน กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องมาก่อน ที่ผ่านมา ไม่ได้ติดตามข่าวความคืบหน้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนจะกลับไปดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด อภ.หรือไม่ หรือด้านความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างไร ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบคำถามได้ คงจะต้องรอดูเอกสารและเหตุผลที่ให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ว่าเป็นอย่างไรก่อน
ทั้งนี้ บอร์ด อภ.ที่ นายไชยา เสนอ ครม.ให้แต่งตั้งมี 14 คน ดังนี้ 1.นายถิรชัย วุฒิธรรม เป็นประธานบอร์ด อภ.ส่วนคณะกรรมการอีก 13 คน 1.นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ.2.นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค 3.นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ 4.นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต 5.นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการ อภ.6.นพ.ธวัชชัย เจริญวงศ์ กรรมการสมาคมโรงพยาบาลเอกชน และผู้อำนวยการ รพ.เยาวรักษ์ เขตธนบุรี ในโควตาของแพทยสภา
7.นางสิรินุช พิศลยบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง 8 พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผู้บังคับการกองปราบปราม 9.นายพงษ์ภัฏ เรียงเครือ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม 10.ผศ.ดร.มานวิภา อินทรทัต รองคณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 11.นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี 12.นายประเสริฐ เกษมโกเมศ ผู้คร่ำหวอดวงการอสังหาริมทรัพย์ 13 น.อ.ธนอรรถ นาครทรรพ
