บอร์ด สกสค.ไฟเขียวทำประกันหมู่ให้ครู 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 5 อำเภอ จ.สงขลา ครอบคลุมครูทุกระดับชั้นในสังกัด ศธ.ใช้งบปีละ 22 ล้านบาท หากครูเสียชีวิตจะได้รับสินไหมทดแทนทันที 5 แสนบาท เริ่มคุ้มครองตั้งแต่ปี 2552 พร้อมจัดทุนสนับสนุนทายาทครูที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไม่สงบให้เรียนถึง ป.ตรี
ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยถึงผลกระประชุมคณะกรรมการ สกสค.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้มีการจัดทำประกันหมู่ให้กับครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา นราธิวาส และ ปัตตานี รวมทั้งในอีก 5 อำเภอของจังหวัดสงขลา ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยจากการก่อความไม่สงบ โดยการจัดทำประกันหมู่ในครั้งนี้จะครอบคลุมครูในทุกสังกัดทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รวมไปถึงครูโรงเรียนเทศบาล และครูโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วย ซึ่งสำนักงาน สกสค.จะเป็นผู้ดูแลในเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ตกปีละประมาณ 22 ล้านบาท ทั้งนี้ หากครูเสียชีวิตก็จะได้รับสินไหมทดแทนทันทีคนละ 500,000 บาท คาดว่า จะเริ่มดำเนินการคุ้มครองครูในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ได้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 เป็นต้นไป
“การที่บอร์ด สกสค.มีมติอนุมัติในเรื่องดังกล่าว เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำนักงาน สกสค.อยู่ในวิสัยที่สามารถจะดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายๆได้ และต้องการดูแลครูในพื้นที่ดังกล่าวให้มีขวัญและกำลังใจที่ดี เพราะลำพังจะปฏิบัติหน้าที่ตามปกติก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ยิ่งต้องตกเป็นเป้าของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยิ่งยากลำบากไปอีก ดังนั้น เรื่องไหนที่สำนักงาน สกสค.พอจะช่วยเหลือกันได้ก็จะพยายามทำให้ อย่างน้อยครูที่ทำหน้าที่จะได้ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบที่จะจัดทุนการศึกษาสนับสนุนให้แก่ทายาทครูที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ โดยจะดูแลทุนการศึกษาจนกว่าจะจบระดับปริญญาตรี” ปลัด ศธ.กล่าว
ดร.ชินภัทร กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้มีการหยิบยกกรณีของการคงอัตราของครูผู้เสียชีวิตเอาไว้ให้กับทายาทของผู้เสียชีวิต หากเรียนจบจะได้บรรจุเข้ารับราชการได้ทันที แต่ได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางว่าการคงอัตราเอาไว้อาจจะส่งผลกระทบต่อบุคลากรในสถานศึกษานั้นๆ ในระหว่างที่ทายาทของครูผู้เสียชีวิตยังเรียนไม่จบได้ ประกอบกับเมื่อเรียนจบปริญญาตรีแล้วก็ไม่มั่นใจว่าทายาทของครูที่เสียชีวิตจะยังสนใจมาเป็นครูอยู่หรือไม่ ดังนั้น จึงยังไม่มีการตัดสินใจดำเนินการใดๆ ในเรื่องนี้ ต้องมีการพิจารณากันอย่างรอบคอบ และต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะ สพฐ.
