วธ.จับมือภาคเอกชน จัด “มหกรรมเด็กเล่นเกมครั้งที่ 3 Thailand Game Show 2009” ชวนครอบครัวไทยเปิดโลกรู้จักเกม โชว์เกมดีของไทย พร้อมแนะนำผู้ปกครองรู้เท่าทันเด็ก สอนเด็กให้รู้เท่าทันเกม ด้วย “Game School Eureka” โรงเรียนสอนการเล่นเกมที่มีขึ้นแห่งแรกในประเทศ ทั้งเปิดพื้นที่ชุมนุมคอเกม เพื่อแลกเปลี่ยน และร่วมเป็นหนึ่งในกระบวนการสร้างสรรค์สังคมเกมที่ดี
วานนี้ (25 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กระทรวงวัฒนธรรม มีการแถลงข่าว มหกรรมเด็กเล่นเกมครั้งที่ 3 Thailand Game Show 2009 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 มกราคม 2552 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน พร้อมทั้งกล่าวว่า ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกม หรือเกมออนไลน์เข้ามามีอิทธิพลกับเด็ก เยาวชนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่ของเนื้อหาของเกม เวลาทีเด็กเล่นเกม หรือกลุ่มเพื่อนและสังคมที่เด็กได้รับจากการเล่นเกม ซึ่งทั้งเด็กและครอบครัว ผู้ปกครอง ต้องทำความเข้าใจและรู้จัก ตระหนักถึงการเล่นเกมอย่างปลอดภัย สร้างสรรค์ และมหกรรมเด็กเล่นเกมครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมสำคัญสำหรับคนรักเกม และเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีการร่วมมือกันเพื่อดูแลรับผิดชอบสังคม รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะสร้างความเข้าใจแก่ครอบครัว ผู้ปกครองให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อเกม
“ภายในงานจะประกอบไปด้วย กิจกรรมหลัก 4 ส่วน ได้แก่ 1.Game D Exhibition นิทรรศการเกมดี โดยการโชว์เกมดีที่ผู้ปกครองควรรู้จัก เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกเกมให้บุตรหลาน 2.Thai Game Show โชว์เกมไทย ที่เป็นผลงานการสร้างสรรค์เกมของคนไทย 3.Gamer Meeting Place ชุมนุมสังคมเกมไทยคุณภาพ เพื่อให้เยาวชนที่พบปะผ่านเว็บบอร์ดเกมต่างๆ ได้มาทำกิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกัน และที่ถือเป็นไฮไลต์ของงาน คือ ส่วนที่เรียกว่า Game School Eureka หรือโรงเรียนสอนการเล่นเกมที่มีขึ้นแห่งแรกในประเทศไทย โดยกิจกรรมทั้งหมดนี้ถือเป็นกิจกรรมภายใต้จุดประสงค์ สอนพ่อแม่ให้รู้ทันเด็ก สอนเด็กให้รู้เท่าทันเกม” ปลัด วธ. กล่าว
ด้าน นายศักดิ์ศิริ จามพันธ์ ในฐานะของผู้พัฒนาหลักสูตร Game School Eureka กล่าวถึงหลักสูตรดังกล่าว ว่า โรงเรียนสอนเล่นเกมนั้นมีหลักสูตรการสอนที่แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนของผู้ปกครอง ส่วนเยาวชน และส่วนของผู้พัฒนาเกม ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมก็เกิดจากช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่าง 3 ส่วนนี้ เพราะความจริงผู้ปกครองต้องเข้าใจเด็ก เด็กก็อยากจะเป็นนักพัฒนาเกม ส่วนนักพัฒนาเกมเองก็ต้องเข้าใจผู้ปกครองเช่นกัน แต่ปัจจุบันทั้ง 3 ส่วนนี้ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ ซึ่งหลักสูตรที่ออกมาก็จะเป็นการทำให้ทั้ง 3 ส่วนเกิดความเข้าใจร่วมกัน และจะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นได้ โดยในหลักสูตดังกล่าวจะเน้นหนักไปที่ผู้ปกครองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการสร้างความเข้าใจของผู้ปกครองนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่สุด เพราะผู้ปกครองบางคนมองว่าอายุเกินวัยที่จะมาทำความเข้าใจเรื่องเกม และมองว่า เป็นเรื่องที่ยุ่งยากจึงไม่ค่อยทำความเข้าใจ
“ความจริงหัวใจที่จะทำให้เด็กเชื่อฟังผู้ปกครองได้ก็คือการที่เด็กเห็นว่าผู้ปกครองอยู่ในโลกเดียวกันกับเขา ผู้ปกครองสามารถเล่นเกม และเข้าใจเกมได้ ตรงนี้คือส่วนที่ต้องทำให้เด็กยอมรับ โดยให้ผู้ปกครองเข้าใจเกมแต่ละประเภทว่าเป็นอย่างไร จังหวะของเกมเป็นอย่างไร ทำให้ทราบรายละเอียดของเกมแต่ละประเภทในเบื้องต้นเพื่อที่จะสามารถร่วมพูดคุยกับเด็กได้ โดยในหลักสูตรนี้ในช่วงของงานที่จัดขึ้นทั้ง 3 วันจะแบ่งออกเป็น 4 ช่วง เวลาในการบรรยาย และแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ที่มีทั้งห้องของผู้ปกครอง เด็ก และนักพัฒนาเกม ใช้เวลาในการบรรยายแต่ละรอบ 1 ชั่วโมงครึ่ง" นายศักดิ์ศิริกล่าว
สำหรับผู้ปกครอง และเยาวชนที่สนใจเข้าร่วมหลักสูตรโรงเรียนสอนการเล่นเกม ภายในงานมหกรรมเด็กเล่นเกมครั้งที่ 3 นั้นสามารถสำรองที่นั่งได้ ที่โทร. 0-2665-6991-4 ซึ่งรับจำนวนจำกัดเพียงแค่ 600 ที่นั่งเท่านั้น