ห้องเรียนมหัศจรรย์รักษ์สิ่งแวดล้อม

ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ สิ่งหนึ่งที่ทั่วทั้งโลกต่างตระหนักถึง คือ ปัญหา “ภาวะโลกร้อน” ที่ถือเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอันดับต้นๆ ดังนั้น วิธีการต่างๆ นานา ที่จะช่วยเยียวยา และรักษาโลกใบนี้จึงถูกนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการรีไซเคิลขยะ การประหยัดน้ำมัน-ไฟฟ้า การรณรงค์งดใช้โฟม การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก เป็นต้น

แต่ทั้งหมดนี้ แนวทางที่ดีที่สุดทางหนึ่งสำหรับการแก้ไขปัญหาในอนาคตคือการสร้างความรู้ ความเข้าใจ สร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นแก่เเยาวชน และนั่นเป็นที่มาของการเกิด “ห้องเรียนมหัศจรรย์รักษ์สิ่งแวดล้อม ” ขึ้นที่ อาคารจักรวาล พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร

รุจิรา ปุณกะบุตร ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพฯ ให้ข้อมูลว่า ความจริงแล้วการให้ความรู้แก่เยาวชนเรื่องของสภาวะสิ่งแวดล้อมนั้นเกิดขึ้นแล้วในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ แต่หากมองในเชิงชุดนิทรรศการที่สามารถเข้าถึงข้อมูลโดยสื่อการเรียนการสอนแบบการสื่อสารสองทาง (Interactive) สำหรับเด็กนั้นยังไม่มี
 
ดังนั้น ทางพิพิธภัณฑ์เด็กจึงได้จัดสร้างห้องเรียนมหัศจรรย์รักษ์สิ่งแวดล้อมขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ผ่านกระบวนการเรียนรู้โดยการลงมือปฏิบัติจริง และยังสอดแทรกด้วยความสนุกสนานอีกด้วย

ทั้งนี้ เนื้อหาของห้องเรียนดังกล่าว 65% จะเสนอให้เห็นถึงความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ส่วนอีก 35% เสนอให้เห็นถึงภัยอันตรายต่างๆ ทั้งภัยธรรมชาติ ภัยที่เกิดขึ้นภายในเมือง ในบ้าน โดยสามารถแบ่งเป็นโซนต่างๆ 5 โซนดังนี้

โซนแรก เป็นการเรียนรู้ผ่านพรีเซนเตชัน ในรูปแบบของวิดีทัศน์ ออดิโอ เอวี เพื่อให้เกิดการกระตุ้นให้เด็กรับข้อมูลเบื้องต้นด้วยสื่อที่เป็นตัวการ์ตูน หรือสัตว์ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสิ่งแวดล้อม

จากนั้นใน โซนที่ 2 ก็จะเสนอให้เห็นถึงสาเหตุของการเกิดปัญหา ตลอดจนการป้องกัน ซึ่งในโซนนี้ บริษัท สยามมิชลิน จำกัด ได้ให้การสนับสนุนชุดนิทรรศการ ในเรื่องอนุรักษ์พลังงานที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน ทั้งสื่อการเรียนรู้เรื่องการใช้ยานยนต์ประหยัดพลังงาน โดยเน้นยางประหยัดพลังงานที่มีวิวัฒนาการในการช่วยลดการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ทำให้ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ ลดภาวะโลกร้อน ในส่วนของรถยนต์เองได้มีการแนะนำในเรื่องของการรักษาเครื่องยนต์ ความเข้าใจเรื่องน้ำหนักของการบรรทุก การใช้ความเร็วอย่างไร จึงจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันน้อยที่สุด
 
อีกทั้งการแสดงให้เห็นว่าหากเติมลมยางถูกต้องตามมาตรฐานก็จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้เช่นกัน ซึ่งสื่อการเรียนรู้ทุกชุดเป็นรูปแบบของสื่อที่สามารถสัมผัส พร้อมทั้งมีการประมวลผลในการปฏิบัติทันทีเพื่อช่วยสร้างความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และเพิ่มประสบการณ์แก่เด็กให้มีมากขึ้น

โซนที่ 3 จะเสนอถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นบนโลก ผ่านเกมบันไดงู ซึ่งในโซนนี้จะได้รับความสนใจจากเด็กๆ และผู้ปกครองอย่างมาก โดยใช้ชื่อภารกิจว่า “คืนบ้านให้น้องหมี” ซึ่งภายในตารางแต่ละก้าว แต่ละแต้ม จะสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่สัมพันธ์กับสภาวะสิ่งแวดล้อม

โซนที่ 4 จะเน้นในเรื่องของภัยธรรมชาติที่ส่งผลต่อคนบนโลกทั้ง ไฟป่า แผ่นดินไหว สึนามิ ผ่านชุดการเรียนรู้เพื่อให้ทราบถึงที่มาของภัยพิบัติแต่ละรูปแบบ

โซนที่ 5 จะเป็นการแนะนำ ป้องกันภัยที่เกิดขึ้นจากในเมือง ภัยใกล้ตัวที่เกิดขึ้นภายในบ้าน ซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดแก่เด็กนั้นกว่า 80% เกิดขึ้นภายในบ้านทั้งสิ้น

“สิ่งที่คาดหวังอยากให้เกิดขึ้น คือ เด็กมีความใส่ใจและตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนมากขึ้น รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมซึ่งเชื่อว่าส่วนหนึ่งน่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ด้านพฤติกรรมใกล้ตัว เช่น การประหยัดน้ำ ไฟ การได้พูดคุยแนะนำผู้ปกครองเรื่องการใช้รถเพื่อประหยัดพลังงาน แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ไม่ได้คาดหวังให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงในทันที เพียงแค่ค่อยๆ ซึมซับ สร้างจิตสำนึก และให้คิดได้เสมอว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้สองมือน้อยๆ ของเขาก็สามารถช่วยโลกได้เช่นกัน อีกทั้งการมาเยี่ยมชมห้องเรียนแห่งนี้ยังสร้างความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นภายในครอบครัวอีกด้วย” ผอ.พิพิธภัณฑ์เด็ก กทม.ฝากความหวัง

สำหรับห้องเรียนมหัศจรรย์รักษ์สิ่งแวดล้อม ณ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครนั้น เปิดบริการตั้งแต่วันอังคารถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.ในวันเสาร์-อาทิตย์ นั้นเปิดในเวลา 10.00-18.00 น.ส่วนในวันจันทร์จะปิดทำการ (ยกเว้นวันจันทร์นักขัตฤกษ์)