“แซม” แทกทีมหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลุยหาเสียงกรุงเทพฯชั้นใน พร้อมจุดเทียนเนื่องในวันรัฐธรรมนูญ ขณะที่เจ้าตัว เผย ตั้งใจสืบสานประชาธิปไตยจึงขออาสาเป็นผู้ว่าฯ กทม.ด้าน “แก้วสรร” สัญญาพร้อมแหวกการเมืองแบบเก่าเป็นผู้ว่าฯ กทม.ยันโพลไม่มีความหมายเป็นแค่โพลการเมือง ขณะที่ “สุขุมพันธุ์” ยันไม่เสียดายตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ หาก ปชป.เป็นรัฐบาล ชูนโยบายการทูตเชิงเมืองหลวงแก้ปัญหาไทยพุทธ-ไทยมุสลิม พร้อมสานสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องมุสลิมทั่วโลกสร้างความเข้าใจสังคมไทย
วันนี้ (10 ธ.ค.) นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 10 พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ตลอดจนกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ในพรรค อาทิ วิชาญ มีนชัยนันท์ รักษาการ รมช.สาธารณสุข นายการุณ โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง ได้ร่วมกันจุดเทียนที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ โดยก่อนหน้านี้ นายยุรนันท์ ได้ติดตั้งป้ายหาเสียงแผ่นแรกด้วยตัวเองที่ถนนดินสอด้วย
นายยงยุทธ กล่าวว่า การเดินทางมาหาเสียงและจุดเทียนในครั้งนี้ เนื่องจากพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่เกิดขึ้นใหม่ และมีความเคารพในระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งขอฝากฝังคนกรุงเทพฯให้ช่วยกันสนับสนุน นายยุรนันท์ ด้วย
ด้าน นายยุรนันท์ กล่าวว่า ในอดีตบิดาของตนเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย พ.ศ.2475 ดังนั้น ตนจึงตั้งใจสืบสานระบอบประชาธิปไตย และต้องการอาสาดูแล กทม.โดยจะนำความคิดเห็นของประชาชนทุกพื้นที่มาใช้ในการแก้ไขปัญหา กทม.อย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ไม่รู้สึกหวั่นไหวต่อกรณีผลสำรวจความคิดเห็นที่ตนมีคะแนนทิ้งห่างผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนอื่น ซึ่งเหมือนเมื่อครั้งที่ นายประภัสร์ จงสวงน อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 10 ของพรรคพลังประชาชนเดิม ที่เปิดตัวหลังเพื่อนและมีคะแนนสำรวจความคิดเห็นน้อย แต่สุดท้ายก็มีคะแนนนำเป็นอันดับ 2 อย่างไรก็ตาม จะนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นแรงผลักดันให้ตั้งใจหาเสียงมากยิ่งขึ้น
จากนั้น นายยุรนันท์ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต่างขึ้นรถกระบะออกตระเวนหาเสียงในพื้นที่ชั้นในรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ย่านบางลำภู และ สนามหลวง
ด้านความเคลื่อนไหวที่สำนักงานเลือกตั้ง ของนายแก้วสรร อติโพธิ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 12 สังกัดกลุ่มกรุงเทพฯใหม่ ที่ถนนราชดำเนิน วันนี้ นายแก้วสรร ได้ปล่อยขบวนรถคาราวานหาเสียงจำนวน 27 คัน ซึ่งตกแต่งด้วยสีเขียวสด พร้อมสัญลักษณ์ช้างงาน และเปิดเพลงที่ใช้สำหรับรณรงค์หาเสียง มีเนื้อหาสะท้อนตัวตนความเป็นอิสระ ซื่อสัตย์ มุ่งมั่นทำงาน ก่อนที่จะลงพื้นที่หาเสียงครั้งแรกที่ชุมชนบ้านครัว
ทั้งนี้ ก่อนที่ นายแก้วสรร จะได้ปล่อยขบวนคาราวาน ขบวนคาราวานของนายยุรนันท์ ได้เคลื่อนออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล่นผ่านมาพอดี นายแก้วสรร จึงได้ประกาศให้ทีมงานและกองเชียร์โบกมือต้อนรับ และผู้สมัครทั้ง 2 คนได้ทักทายกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
นายแก้วสรร กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะแหวกออกจากวงจรการเมืองแบบเก่า ดังนั้น คนกรุงเทพฯมั่นใจได้หากเลือกตนเข้ามาทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม.เพราะตนมีความอิสระ และจะนำประสบการณ์พร้อมทั้งทีมงานที่ทำได้จริงมาร่วมทำงานโดยไม่เห็นด้วยกับการแบ่งฝ่าย ดังนั้น อย่าใช้ความเกลียดชังมาเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจ สำหรับตนกับนายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว มีความใกล้ชิดกัน เพราะเกี่ยวดองเป็นญาติกัน จึงมาร่วมเป็นทีมงาน ซึ่งรวมถึงนายอภิชาติ ทองอยู่ และนายขวัญสรวง อติโพธิ ก็เป็นหนึ่งในทีมงานของตนเช่นกัน
ส่วนกรณีผลสำรวจของเอแบคโพลล์นั้น นายแก้วสรร มันเป็นเพียงโพลการเมืองไม่มีความหมายอะไร เป็นโพลชี้นำและสกัดทุน เพราะดูจากช่วงเวลาในการทำสำรวจ ไม่น่าเป็นโพลที่ตรงกับความเป็นจริงได้ สำหรับเงินที่เปิดบัญชีรับบริจาคขณะนี้ ได้รับเงินประมาณ 500,000 บาทแล้ว โดยจะนำเงินมาใช้จ่ายเรื่องการณรงค์หาเสียง ซึ่งตั้งงบไว้ 5 ล้านบาท ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 2 ล้านบาท
ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 2 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณตลาดศรีย่าน โดยมีนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม.นำทีมมดงานช่วยหาเสียงด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า การที่ นายพิจิตต ออกมาช่วยเดินหาเสียงในวันนี้ ไม่ใช่กลยุทธ์ใหม่เพื่อหวังดึงคะแนนเสียง หลังคะแนนเอแบคโพลล์ตาม ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สังกัดอิสระ แต่เป็นเพราะตนเคยเป็นหนึ่งในทีมงานของ นายพิจิตต มาก่อน ซึ่ง นายพิจิตต มีความเมตตาที่จะมาช่วยหาเสียง แต่ไม่ได้จะมาเป็นทีมงานรองผู้ว่าฯ ส่วนที่คะแนนตามหลังผู้สมัครอิสระ ทั้งที่ตนเป็นผู้สมัครในนามพรรคใหญ่ ก็ไม่รู้สึกกังวลใจ แต่จะไม่ประมาท และจะเดินหน้าหาเสียงด้วยการตื่นเช้าขึ้น เพื่อพบปะกับประชาชนทุกวัน โดยจะไม่ปรับรูปแบบการหาเสียงที่เสนอความพร้อมด้านต่างๆ ของตัวเอง ทั้งทีมงานและนโยบาย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้สึกเสียดายที่ต้องเสียโอกาสในการได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อมาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.หลังพรรคประชาธิปัตย์ มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะหากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็จะสามารถดูแลประชาชนได้ดีกว่าตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับนโยบายในการดูแลพี่น้องประชาชนชาวมุสลิม ในกรุงเทพฯ ของตนนั้น ตนจะให้ความสำคัญกับพี่น้องชาวมุสลิมเพิ่มขึ้นเนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทย ประสบปัญหาเรื่องไทยพุทธกับมุสลิม ซึ่งทำให้รู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมกัน ดังนั้น ตนจะใช้วิธีการทูตเชิงเมืองหลวง นำประสบการณ์ทางการทูตมาใช้ในการช่วยแบ่งเบาปัญหา โดยตนจะสร้างความสัมพันธ์แบบบ้านพี่เมืองน้องกับเมืองที่เป็นมุสลิมทั่วโลก เช่น จาการ์ตา ไคโร อิสลามาบัด เตหะราน เป็นต้น เหมือนกับที่ กทม.สร้างความสัมพันธ์แบบบ้านพี่เมืองน้องในประเทศต่างๆ มาแล้ว ซึ่งน่าจะทำให้ชาติมุสลิมสามารถใกล้ชิดและเข้าใจสังคมไทยมากขึ้น ว่า สังคมไทยมีความเปิดกว้างทางศาสนา นอกจากนี้ จะมี แนวทางในการสนับสนุน ดังนี้
1.จัดให้มีการสอนอิสลามศึกษาในโรงเรียนที่มีนักเรียนมุสลิมร้อยละ 20 ขึ้นไป 2.พัฒนาบุคลากรอิสลามศึกษา 3.พิจารณาปรับอัตราค่าตอบแทนกับบุคลากรอิสลามศึกษาและ 4.เพิ่มโครงการบ้านหนังสือประจำมัสยิด เพื่อให้ชาวมุสลิมและเยาวชนสามารถเข้ารับบริการได้สะดวกและส่งสริมความรู้ด้านต่างๆ นอกจากนี้ จะมีมาตรการส่งเสริมการค้าอุตสาหกรรมฮาลาล คือ ส่งเสริมการขายและส่งออกอาหารมุสลิม เพื่อให้แม่บ้านชาวมุสลิมที่ประกอบอาหารรสชาติดีๆ สามารถค้าขายในตลาดสากลได้