อย.สุ่มเก็บอายไลน์เนอร์ผสมน้ำมันเครื่อง ส่งกรมวิทย์ ตรวจวิเคราะห์ ชี้ หากมีส่วนผสมน้ำมันเครื่องจริงเป็นอันตรายผิวหนัง ระคายเคือง เสี่ยงมะเร็ง ระบุหากพบผสมสารต้องห้ามฟันทั้งผู้ผลิต-ผู้จำหน่าย โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท พร้อมคุมเข้มเลนส์ แฟชั่นตาโต ประกาศเป็นเครื่องมือแพทย์ ป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด
วันที่ 8 ธันวาคม นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า อายไลน์เนอร์ บางยี่ห้อที่วางขายตามตลาดนัดหรือรถเร่มีส่วนผสมของน้ำมันเครื่อง ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการตรวจพบว่าอายไลน์เนอร์ที่มีการวางจำหน่ายในบางพื้นที่มีการผสมน้ำมันเครื่องจริงหรือไม่ เนื่องจากอาจเป็นน้ำมันชนิดอื่นก็เป็นได้ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน โดยตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกสุ่มเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จากแหล่งจำหน่ายทั่วประเทศเพื่อส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบ ว่า มีการผสมสารเคมีที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอางหรือไม่ คาดว่าจะรู้ผลภายใน 1 สัปดาห์
“หากอายไลน์เนอร์มีส่วนผสมของน้ำมันเครื่องจริง ก็จะส่งผลอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะผิวหนัง โดยในระยะสั้นอาจทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง แต่หากมีการใช้ในระยะยาวจะทำให้เกิดโรคผิวหนัง และอันตรายถึงขั้นเป็นมะเร็งได้”นพ.พิพัฒน์ กล่าว
นพ.พิพัฒน์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม อายไลน์เนอร์ไม่ได้เป็นเครื่องสำอางที่ต้องควบคุมพิเศษ ในการผลิตหรือนำเข้าจึงไม่จำเป็นต้องแจ้งต่อ อย.แต่เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค หากพบเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อใดมีการใช้สารต้องห้ามเป็นส่วนประกอบจะดำเนินการอายัดผลิตภัณฑ์และทำลายทิ้งเพื่อป้องกันอันตรายให้กับผู้บริโภค ในขณะที่ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายจะมีความผิดฐานผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
“ในท้องตลาดมีเครื่องสำอางวางจำหน่ายมากมายเป็นพันๆ ยี่ห้อ จึงขอเตือนประชาชนควรเลือกใช้และซื้อผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง อย่าซื้อเครื่องสำอางนำเข้าราคาถูกแต่ควรมีที่มาแหล่งผลิต ผู้จำหน่ายชัดเจน น่าเชื่อถือ หากเป็นรถเร่ หรือ ตลาดนัด ซึ่งเป็นสถานที่จำหน่ายที่เล็งเห็นแล้วว่าไม่น่าจะปลอดภัยต่อร่างกายก็ไม่ควรซื้อมาใช้ รวมถึงวิงวอนไปยังผู้จำหน่ายให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค ไม่ควรนำเครื่องสำอางที่ไม่มีการระบุผู้ผลิตที่ชัดเจนมาขาย ทั้งนี้ หากผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์แล้วเกิดอันตรายขึ้นแก่ร่างกายก็ให้ร้องเรียนมาที่สายด่วน อย.1556 หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผลิตภัณฑ์”นพ.พิพัฒน์ กล่าว
ด้านนพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงกระแสแฟชั่นใส่คอนแทกต์เลนส์หรือเลนส์สัมผัสเพื่อความสวยงามที่ทำให้มองเห็นตากลมโตตามแบบดาราเกาหลีหรือญี่ปุ่น ว่า คอนแทกต์เลนส์แฟชั่น ซึ่งมีหลายสี ทำให้ตาโต บริเวณตรงกลางมีลักษณะเป็นเลนส์ใสและบริเวณขอบเลนส์มีสีดำหรือสีเข้มต่างๆ ที่จะทำให้มองเห็นว่าผู้ใส่มีตาดำขยายใหญ่และกลมโตกว่าปกติ ที่ได้ระบาดเข้ามาสู่วัยรุ่นไทยโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นหญิงขณะนี้นั้น หากใส่เลนส์สัมผัสอย่างไม่ถูกวิธีนั้นอาจมีการแพ้ ติดเชื้อ กระจกตาเป็นแผล อาจทำให้ตาบอดได้
“ขณะนี้ อย.ได้จัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เลนส์สัมผัส เพื่อเพิ่มมาตรการในการควบคุมการผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัส ทุกประเภทในระดับที่เข้มงวดขึ้น โดยผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะต้องขออนุญาตจาก อย.รวมทั้งต้องแสดงอายุการใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังในการใช้ไว้ในฉลากหรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์และในการโฆษณาต้องได้รับอนุญาตจาก อย.ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษ ทั้งจำทั้งปรับ โดยจะมีการเสนอร่างประกาศฉบับดังกล่าวให้คณะกรรมการเครื่องมือแพทย์พิจารณาในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ และจะเสนอความเห็นต่อ รมว.สาธารณสุข เพื่อลงนามประกาศใช้ต่อไป” รองเลขาธิการ อย.กล่าว
