“วิชาญ” มั่นใจการเมืองไม่เปลี่ยนขั้ว ขู่ ส.ส.พปช.ซบพรรคอื่น คิดให้ดี ระวังสอบตกเลือกตั้งสมัยหน้า เผย พรรคยังไม่สรุปตัวนายกฯคนใหม่ แต่ต้องมีคุณสมบัติพิเศษ ประชาชนต้องรัก เก่ง ปรองดอง เศรษฐกิจ ไม่สน พธม.ชุมนุมซ้ำหากนายกฯชื่อ “มิ่งขวัญ-เฉลิม”
วันที่ 4 ธันวาคม นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถูกเสนอชี่อเป็นหนึ่งในผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยยังไม่มีการหารือกันเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลใดให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในเวลานี้ ซึ่งการจะเสนอชื่อใคร คงต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เนื่องจากประชาชนทั้งประเทศกำลังจับตาดูอยู่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัว คือ ต้องเป็นคนที่ประชาชนรัก ปรองดอง เข้าใจกัน และมีทีมงานที่จะดูแลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวิชาญ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งใหม่ในบางพื้นที่ ยังเชื่อว่า ส.ส.ที่จะย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทยจะทำให้พรรคนี้มีจำนวน ส.ส.มากที่สุด ซึ่งด้วยความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุด จะต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน ทั้งนี้ โดยมารยาทผู้ที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มี ส.ส.มากที่สุดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่บางครั้งอาจไม่จำเป็น เพราะสามารถแบ่งงานกันทำได้ โดยให้หัวหน้าพรรคทำงานการเมือง ขณะที่นายกรัฐมนตรีทำงานบริหาร
“พรรคเพื่อไทยไม่แตกที่แตกไปนานแล้ว คือ พรรคพลังประชาชน เพราะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรค ซึ่งผมทราบว่าจำนวนสมาชิกพรรคเพื่อไทยมีกว่า 170 คนแล้ว เท่ากับว่าสมาชิกพรรคพลังประชาชนย้ายมาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก ขณะนี้พรรคเพื่อไทยจึงยังไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน และจากนี้อาจจะมีการประชุมสมาชิกพรรคเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคต่อไป” นายวิชาญ กล่าว
ส่วนกระแสข่าว ส.ส.พรรคพลังประชาชน บางกลุ่มอาจจะไม่ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย โดยอาจย้ายไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายวิชาญ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการลงมติเลือกบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีข่าวลักษณะเช่นนี้ออกมาทุกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่มีปัญหา ตนจึงเชื่อว่า จะไม่มีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง เพราะทุกคนล้วนคำนึงถึงประเทศชาติ
“ความรู้สึกของพวกเขาตอนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งคืออยากอยู่กับพรรคพลังประชาชน เมื่อต้องไปอยู่บ้านใหม่ก็คงไปด้วยกัน ส่วนที่มีการจะดึงตัวไปสังกัดพรรคอื่นก็มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันอยู่เสมอ ซึ่งใครไปก็เป็นสิทธิ แต่สังคมจะรับได้หรือไม่ และหากมีการยุบสภาเพื่อเป็นทางออก แล้วต้องมีการเลือกตั้งใหม่ พวกเขาที่ย้ายพรรคไปแล้วจะไปอยู่ไหน เพราะประชาชนจะเลือกส.ส.ไม่ได้ดูที่ตัวบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่แต่ละภาคจะเลือกเป็นพรรค ผมจึงเชื่อว่าคงไม่มีใครไป”นายวิชาญ กล่าว
เมื่อถามว่า กลัวหรือไม่ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จะออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง หากนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็น นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หรือ ร.ต.อ.เฉลิม นายวิชาญ กล่าวว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรคพลังประชาชน สมาชิกทุกคนก็ปฏิบัติตามไม่มีอารยะขัดขืน ส่วนเมื่อมีการเลือกนายกรัฐนตรีคนใหม่แล้ว พธม.จะชอบหรือไม่นั้นเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล จะให้ชอบหรือถูกใจทุกคนคงไม่ได้