“เฉลิม-วิชาญ” ชี้นายกฯ ลาออก-ยุบสภา ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา เหน็บ"สนธิ"มึงเยี่ยม มึงแน่ มึงเก่ง

“เฉลิม” – “วิชาญ” ประสานเสียง ชี้นายกฯ ลาออก-ยุบสภา ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา เพราะเป้าหมายพันธมิตรฯ อยากให้พลังประชาชนออกจากเวทีการเมือง ระบุอยู่ที่นายกฯ ตัดสินใจ ฝากถึง “สนธิ” มึงเยี่ยม มึงแน่ มึงเก่ง ที่เทรนโฆษกสาวๆ พูดบนเวทีเหมือนกันหมด หลังจบเหตุการณ์ขอเรียนวิชา

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 27 พฤศจิกายน ที่กระทรวงสาธารณสุข ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมทางไกล (Teleconference) ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจรที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่เสนอให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีลาออก เป็นข้อเสนอที่เป็นไปไม่ได้ หรือแม้แต่การยุบสภาก็ไม่สามารถทำให้ประเทศชาติออกจากความขัดแย้งได้ เพราะหากนายกฯประกาศลาออกก็ต้องหานายกฯ คนใหม่ หรือยุบสภาก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วัน พรรคพลังประชาชนก็กลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอยู่ดี การลาออกของนายกรัฐมนตรีจึงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา และพันธมิตรฯ ก็จะออกมาเรียกร้องต่อไม่มีที่สิ้นสุดเพราะเป้าหมายคือให้พลังประชาชนออกจากเวทีการเมือง

“ส่วนที่มีนักวิชาการบางคนเสนอให้ใช้มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเคยมีการเสนอมาแล้วตั้งแต่ปี 2549 นั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์การเมืองต้องรอการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งผมเห็นว่า นายกรัฐมนตรีเคยเป็นผู้พิพากษามาก่อน เป็นที่ทราบว่าคนทำอาชีพนี้ใจเด็ดกว่าตำรวจหลายร้อยเท่า เพราะต้องตัดสินลงโทษผู้กระทำความผิด”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า การบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิของพันธมิตรฯ สร้างเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างร้ายแรง ทั้งในรูปธรรมและนามธรรม โดยรูปธรรมคือค่าเสียหายที่เกิดขึ้นที่ไม่เปิดสนามบินได้ ส่วนนามธรรมคือกระทบต่อความเชื่อมั่น และชื่อเสียงของประเทศ เกิดภาพลักษณ์ว่าประเทศไทยมีความรุนแรง ซึ่งภาพนี้จะติดไปอีกนาน นอกจากนี้ทั่วโลกที่ติดตามความเคลื่อนของเมืองไทย เช่น ออสเตรเลียประกาศแล้ว เหตุการณ์ยึดสนามบินเป็นการก่อการร้าย ขณะที่พันธมิตรฯ กลับมองว่าไม่ได้เสียหายอะไร

“ไม่ใช่รัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ แต่ยังไม่ได้เข้าควบคุม และที่ผ่านมาพันธมิตรเองก็ไม่ยอมเจรจา ส่วนข้อเรียกร้องที่พันธมิตรฯประกาศนั้น ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะไม่ยอม แต่มันเป็นข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ และไม่มีเป้าหมายตามหลักประชาธิปไตย และยังไม่สิ้นสุด”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

เมื่อถามว่า มีอะไรฝากไปยังพันธมิตรฯหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี จะมีก็มีแต่ฝากถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ว่า “ไอ้ธิ มึงเยี่ยม มึงแน่ มึงเก่ง ที่เทรนโฆษกสาวๆ ให้มีสุ่มเสียงเหมือนกันหมดได้ เวลาพูดบนเวที หลังจบเหตุการณ์ครั้งนี้คงต้องไปขอศึกษาวิชานี้ด้วย”

ด้านนายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การประชุมครม.สัญจร ครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อหาข้อยุติสถานการณ์บ้านเมืองเพื่อความปรองดอง เพราะบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้า ทุกคนมีความเห็นต่างได้ในระบอบประชาธิปไตยแต่ต้องสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ

“คนที่มาจากการเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2551 ทุกคนก็ควรที่จะเคารพและให้เกียรติปฏิบัติตามกฎหมาย การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ขณะนี้ไม่ถือว่าอยู่ในหลักการของประชาธิปไตย ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ อยากขอให้อย่าทำแบบนี้เลย คนไทยด้วยกัน ยิ่งทำแบบนี้จะยิ่งทำให้เกิดปัญหา ต่อประเทศชาติ”นายวิชาญ กล่าว

นายวิชาญ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลก แทนที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการแก้ไขปัญหา การปิดสนามบินของพันธมิตรฯ ยิ่งเป็นการสร้างความเสียหายเพิ่มมากขึ้น ในภาวะเช่นนี้แทนที่คนในประเทศจะช่วยกันแก้ปัญหาก่อนก็ไม่เกิดขึ้น อยากให้หันหน้าเข้าหากันเพื่อแก้ปัญหา ถ้ายังมีอคติส่วนตัวก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ส่วนการยุบสภานั้น ถือเป็นทางออกทางหนึ่งแต่คงยังไม่ถึงขั้นนั้น อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่รัฐจะต้องเสียเงินในการจัดการเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก และเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็ได้พรรคการเมืองเดิมมาเป็นรัฐบาลอีก ซึ่งไม่มีผู้ใดรับประกันว่า พันธมิตรฯ จะไม่เคลื่อนไหวหรือกดดันยึดสถานที่ราชการอีก เพราะที่ผ่านมาก็มีการเลือกตั้งไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็มีการชุมนุนต่อต้าน

“หากให้รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตีลาออก คงต้องถามว่ารัฐบาลมีความผิดอะไร ถ้ารัฐทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็พร้อมที่ลาออก เพื่อนำมาเพื่อความสงบเรียบร้อยเพื่อประเทศชาติ แต่นี่กี่ยุคกี่สมัยแล้วที่เรียกร้องให้ออกต้องการชนะ แล้วไม่ถูกต้องต้องยอมด้วยหรือ”นายวิชาญกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เส้นทางที่จะเดินทางไปจ.เชียงใหม่นั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านหลายจุดสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ โดยมีการตรวจรถยนต์ทุกคันที่กำลังเดินทาง แล้วถามว่ามีเสื้อเหลืองหรือพันธมิตรอยู่หรือไม่