5 เครือข่ายองค์กรสังคม มอบประกาศนียบัตร “หมัก” พิธีกรเชิญแขกดีเด่น ขายหน้าแทนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเหลว ทหารไม่เล่นด้วย เชื่อสันดานหนีปัญหาเลือกยุบสภาตายยกเข่ง ขู่หากยังหน้าด้านเตรียมเคลื่อนพลสมทบพันธมิตร
วันนี้ (3 ก.ย.) นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ อดีต ส.ว.กทม.ในฐานะเลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เปิดเผยว่า กลุ่มองค์กร 5 เครือข่ายสังคมด้านเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ครอบครัว และคนพิการ ซึ่งมีสมาชิกกว่า 96 องค์กรได้เฝ้าดูสถานการณ์การเมืองอย่าใกล้ชิด จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีออกประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ทางองค์กร 5 เครือข่ายขอเรียกร้องให้รัฐยุติความรุนแรงไม่ให้ประชาชนเกิดความกระทบกระทั่งจนนำไปสู่การปะทะกัน และขอเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี รับผิดชอบด้วยการ “ลาออก” หรือ “ยุบสภา” เพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชน
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องขององค์กรดังกล่าว หากรัฐบาล หรือนายกฯ ไม่ดำเนินการ ทางองค์กรเครือข่ายจะเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นายวัลลภ กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้นายกฯ ต้องลาออก หรือไม่ก็ยุบสภา แต่ก็เชื่อว่านายกที่ชื่อสมัครคงไม่เลือกตายเดี่ยว ถ้าจะตายนายกฯ ก็คงเลือกยุบสภามากกว่า คือให้ตายกันทั้งหมด ส่วนกรณีที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมอบให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด เป็นการโยนเผือกร้อนให้กับ พล.อ.อนุงพษ์ไปเต็มๆ การกระทำของนายกฯเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว คือ ปัดการแก้ปัญหาให้ พล.อ.อนุพงษ์ และยืมมือทหารในการปราบม็อบๆ ยังดีที่ พล.อ.อนุพงษ์ก็แถลงข่าวว่าจะไม่ใช่ความรุนแรงในการสลายม็อบ เป็นลักษณะประคองตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม การกระทำของนายกฯ ครั้งกลับทำให้ประชาชนเข้ามาร่วมกับม็อบมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า พันธมิตรฯ ก็ไม่ยอมเจรจาแต่กลับเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วม และยังไปปิดสนามบิน นายวัลลภ กล่าวว่า เป็นวิธีการที่กดดันนายกฯ ในฐานะผู้บริหารประเทศ เพราะเมื่อมีการประท้วงในลักษณะนี้ประเทศก็เสียหาย เมื่อถามว่า การทำเช่นนี้ทำลายเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว นายวัลลภ กล่าวว่า เมื่อนายกฯ ไม่ทำอะไร วิธีการแบบนี้จึงถูกนำมาใช้เพื่อกดดันรัฐบาล รวมไปถึงการประกาศของสหภาพรัฐวิสาหกิจที่จะหยุดงาน ตัดน้ำ ตัดไฟ ด้วย