เริ่มร้อน! ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ เริ่มคึกคัก “นิติภูมิ” ส่งรองหัวหน้าพรรคสุวรรณภูมิ รับใบสมัครแทน ย้ำ 4 ธ.ค.นี้ ลงสมัครแน่นอน แต่สุดท้ายเจ้าตัวยังทำท่ายึกยัก ด้าน “ลีน่า จัง” ชู สร้าง “ปารีสตะวันออก” โดยการพัฒนารอบเกาะรัตนโกสินทร์ เป็นแหล่งท่องเที่ยว โว “ดร.แดน-ชูวิทย์” เป็นแบ็กอัพให้
เมื่อเวลา 13.50 น.ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นายสุพจน์ ภูมิใจตรง รองหัวหน้าพรรคสุวรรณภูมิ ได้เดินทางมาขอรับใบสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ให้กับ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ หัวหน้าพรรค โดยระบุว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 4 ธ.ค.ร.ต.อ.นิติภูมิ จะเดินทางมาสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แต่ในระหว่างนี้จะต้องไปหารือกันก่อนว่าจะลงสมัครในนามพรรค หรือสังกัดอิสระ
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ร.ต.อ.นิติภูมิ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.แต่ก่อนหน้านี้ ได้หารือกันภายในพรรคไว้ว่าอยากที่จะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้ง เพราะตนเคยลงสมัครมาแล้วเมื่อปี 2547 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์การเมืองค่อนข้างที่จะวุ่นวาย อีกทั้งตอนนี้ตนมีงานบรรยายตามสถาบันต่างๆ แทบทุกวัน จึงต้องหารือและตัดสินใจอีกครั้ง ทั้งนี้ ยอมรับว่า ที่ผ่านมา มีหลายกลุ่มมาติดต่อให้ไปลงสมัคร แต่ตนยังไม่ตอบรับแต่อย่างใด
ด้านนางลีนา จังจรรจา (ลีน่า จัง) ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 3 ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณถนนราชดำเนินฝั่งตรงข้ามกองสลาก พร้อมกับชูนโยบายพัฒนารอบเกาะรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สี่แยกคอกวัว แนวคลองหลอด ไปจนถึงสนามหลวง ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวปารีสตะวันออก เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวในพื้นที่ เพราะปัจจุบันชาวต่างชาติไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยว เนื่องจากมีการชุมนุมประท้วงกัน
ทั้งนี้ หากตนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.ภายใน 1 ปี ตนจะสร้างซุ้มทรงไทยให้กับผู้ค้า เช่าตึกตลอดแนวถนนราชดำเนินนอก ทำเป็นศูนย์การค้าให้กับคนจน คนตกงานให้เข้ามาขายของ ส่วนคนเร่รอน หญิงขายบริการที่อยู่ในพื้นที่จะใช้มาตรการทางกฎหมายเข้ามาจัดการให้ออกจากพื้นที่ และจะอบรมอาชีพให้กับคนเร่รอน หญิงขายบริการ ให้มีงานมีเงินใช้อย่างสุจริต
นางลีนา เปิดเผยด้วยว่า เนื่องด้วยตนมีงบประมาณในการหาเสียงน้อย ตนได้ติดต่อไปยังนายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยหลังวันที่ 4 ธ.ค.หาก นายเกรียงศักดิ์ ไม่ลงสมัคร นายเกรียงศักดิ์ ได้รับปากว่าจะนำคณะหาเสียงมาช่วย โดยรับเงินค่าจ้างวันละ 3,500 บาท ส่วน นายชูวิทย์ ได้ให้คำปรึกษาในนโยบาย และเงินจำนวนหนึ่งในการหาเสียง