“วิศาล” แถลงโต้ “ชูวิทย์” ทุกกรณีที่ถูกกล่าวหา บอกไม่ได้เป็นอย่างเจ้าพ่ออ่างพูด ยันทำหน้าที่สื่อมวลชนอย่างดีที่สุดและมีจรรยาบรรณ เตรียมฟ้องดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่ง ฐานหมิ่นประมาท พร้อมยืนยันไปเลือกตั้งผู้ว่าแน่นอน
วันนี้ (4 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.30 น. นายวิศาล ดิลกวณิช พิธีกรช่อง 3 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ห้องพักหมายเลข 3402 ชั้น 4 โรงพยาบาลสมิติเวชว่า ต้องการแถลงโต้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โดยกรณีแรกที่กล่าวหาว่าตนไม่ให้เกียรติ ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากตอนเจอหน้าก่อนอัดรายการ ตนยกมือไหว้นายชูวิทย์ และยังชักชวนไปแต่งหน้าด้วยกัน ทางทีมงานของนายชูวิทย์ไม่ว่าจะเป็นนายไชยวัฒน์ ไกรฤทธิ์ และคุณภัควดี เลิศกาญจนรัตน์ ยังยิ้มแย้มกล่าวคำเชยชมตนเองด้วย ส่วนกรณีที่ 2 เรื่องเรียกชื่อที่นายชูวิทย์กล่าวหาว่า ไม่ให้เกียรติเรียก “ชูวิทย์” เฉยๆ ซึ่งตนเรียกตามชาวบ้านคุ้นเคย อย่างเช่น ลีน่า จัง, ดร.แดน ซึ่งไม่มีวัตถุประสงค์ไม่ให้เกียรติ
นายวิศาล กล่าวต่อว่า กรณีที่ 3 เรื่องคำถามที่ยั่วยุ ตีรวน โดยก่อนเข้ารายการไม่ได้ถามคำถามที่ยั่วยุ ก่อนหน้านี้ผู้สมัครคนอื่นก็พูดถึงนโยบาย แต่นายชูวิทย์ ไม่ต้องการคุยเรื่องนโยบาย ต้องการจะคุยเรื่องการตรวจสอบ ถึงไม่เอ่ยชื่อผู้ที่พาดพิงถึง แต่ก็พอเดาออก ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการหมิ่นแหม่ ตนในฐานะเป็นผู้ดำเนินรายการ จึงต้องควบคุมไม่ให้มีการโจมตีผู้อื่น และเบรคการพูด ดึงกลับมาเป็นพูดถึงเรื่องนโยบายปากท้องและจารจร เพราะตามกฎหมายเลือกตั้ง ถ้าหากว่ามีการร้องเรียนเกิดขึ้นตนจะถูกเป็นตัวการร่วม จึงต้องระวังไม่เช่นนั้นจะมีความผิด จึงทำให้ทางนายชูวิทย์ไม่พอใจ รุนแรงขึ้น
นายวิศาล กล่าวต่อว่า บรรยากาศตอนนั้นตนพยายามควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดการพาดพิงถึงคนอื่น ควบคุมเวลา เพราะมีเวลาเพียงแค่ 15 นาที และควบคุมเนื้อหา จำเป็นต้องตัดบทหลายครั้ง ซึ่งการสัมภาษณ์ผู้สมัครคนอื่นก็ทำเช่นนี้ ไม่เห็นมีใครมีปัญหา ขณะดำเนินรายการนายชูวิทย์เป็นคนพูดเร็ว ตนจึงต้องเร็วตาม ไม่อย่างนั้นจะเบรคไม่ทัน ทำให้นายชูวิทย์ ตีความว่าตนกวนประสาท ซึ่งไม่เป็นความจริง นายชูวิทย์คิดไปเอง
นายวิศาล กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่าตนไม่มีจรรยาบรรณของสื่อเรื่องที่นำเรื่องที่คุยหลังเวทีไปถามออกอากาศ ซึ่งความจริงแล้วการสอบถามหลังเวทีได้สอบถามถึงเรื่องป้ายหาเสียงที่มีการเปลี่ยนภาพลักษณ์จากหน้าตาขึงขังเป็นสุขุมขึ้น ซึ่งพูดจบทางนายชูวิทย์ ก็ไม่ได้ขอว่าไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้ เพราะการทำงานที่ผ่านมาตนได้เคยสัมภาษณ์รัฐมนตรี นักการเมือง ดารา มามากมาย ถ้าหากมีการขอปิดเป็นความลับหรือไม่ให้พูดถึงเนื่องจากเป็นการพาดพึงถึงผู้อื่น ตนก็จะให้เกียรติโดยการไม่พูดถึง แต่ครั้งนี้ทางคุณชูวิทย์ไม่ได้ขอหรือไม่มีการตกลงกันในเรื่องนี้ ซึ่งคุณชูวิทย์พูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และตนขอเพิ่มเติมอีกประเด็นหนึ่งคือ นายชูวิทย์กล่าวหาว่าตนพูดว่าชูวิทย์ว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ซึ่งความจริงแล้ว ตนไม่ได้พูด สร้างความเสียหายให้กับตน โดยมีการถูกโพสต์ทางอินเตอร์เน็ต ทำให้เสียภาพลักษณ์ จึงต้องมีการดำเนินคดีทั้งทางอาญาและแพ่งในข้อหาหมิ่นประมาท
นายวิศาล กล่าวอีกว่า ด้วยความหวังดี ตนอยากให้ปรับเปลี่ยนเพราะนายชูวิทย์ เป็นผู้ใหญ่ หรืออาจจะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ต้องมีอีคิวสูง ต้องรู้จักอดกลั้น หากคนอื่นทำไม่ถูกใจ ไม่ทราบว่าจะโดนเหมือนตนหรือไม่ สุดท้ายอยากจะฝากคำถามไปถึงนายชูวิทย์ว่า การนำโฆษณาที่นายชูวิทย์ ถือไม้กวาดกับที่ตักผง แล้วมีคนทะเลาะกันคุณชูวิทย์เข้าไปห้ามไม่ให้คนทะเลาะกัน ให้สมานฉันท์กันนั้น แต่นายชูวิทย์กลับมาใช้ศอกกระแทกที่ใบหน้าตน มันตรงกับข้อเท็จจริงหรือไม่
“อีกคำถามหนึ่งคือการที่คุณบอกว่า ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว แต่กลับไปออกรายการทีวีช่องหนึ่งที่มีพิธีกรถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะทำอีกหรือไม่ คุณชูวิทย์ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะทำเช่นนี้อีก ก็สะท้อนให้เห็นว่าไม่สำนึกผิดเลย” นายวิศาล กล่าว
นายวิศาล กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า สำหรับอาการบาดเจ็บ ตอนนี้ตนยังรู้สึกมึนๆ และเจ็บที่แผลอยู่ ซึ่งวันนี้แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว โดยเมื่อกลับบ้านไปแล้วต้องพักฟื้นอีก ในวันจันทร์ที่ 6 ต.ค.จึงจะสามารถทำงานได้ ส่วนในวันพรุ่งนี้ (5 ต.ค.) ตนจะเดินทางไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อย่างแน่นอน