รพ.รามาฯ ถวายรายงานอาการผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดการชุมนุมของพันธมิตรฯ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แพทย์นิติเวชเผย “ยุทธพงษ์ เสมอภาค” การ์ดพันธมิตรฯ เสียชีวิตเพราะเลือดออกมากบริเวณผิวสมอง ประสานหน่วยแพทย์เตรียมพร้อมรับมือหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง
ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม แพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า ผลการชันสูตรศพ นายยุทธพงษ์ เสมอภาค การ์ดอาสาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พบว่า มีเศษวัสดุทะลุผ่านบริเวณท้ายทอยเข้าไปยังบริเวณก้านสมอง โดยมีเศษวัสดุแข็งเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 ซม. ทำให้มีเลือดอออกมากบริเวณผิวสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิต โดยเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเศษวัสดุดังกล่าวเป็นสะเก็ดระเบิดไม่ทราบชนิด ต้องนำส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม เศษวัสดุดังกล่าวเป็นเศษวัสดุคล้ายคลึงกับที่พบในบาดแผลผู้บาดเจ็บรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตามร่างกายของผู้เสียชีวิตยังพบบาดแผลบริเวณหน้าแข้งข้างขวา ประมาณ 0.5 ซม. และมีรอยช้ำที่บริเวณกระบอกตา คาดว่าอาจจะถูกแรงกระแทก อย่างไรก็ตาม ญาติผู้เสียชีวิตได้รับศพนายยุทธพงษ์ออกจาก รพ.รามาฯ ตั้งแต่วานนี้ (23 พ.ย.) เวลา 17.00 น.แล้ว ส่วนหลักฐานต่างๆ ก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ด้าน นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผอ.รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ลอบปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน และจากการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา ทุกรายที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.รามาธิบดีมีอาการดีขึ้น ไม่น่าวิตกกังวล โดยมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนเข้ารักษาตัวที่ รพ.รามาฯ ทั้งสิ้น 3 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย( นายยุทธพงษ์ เสมอภาค) รักษาตัวที่โรงพยาบาล 1 ราย และอีก 1 รายแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว
นพ.ธันย์ กล่าวต่อว่า ทาง รพ.รามาฯ ได้มีการประชุมและประสานงานกับศูนย์เอราวัณ กทม. และ รพ.เครือข่ายของกรุงเทพฯ ทั้งหมด เพื่อวางแผนในการรับมือในกรณีที่อาจเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในวันนี้ (24 พ.ย.) โดยมีการวางแผนเตรียมพร้อมเรื่องของรถพยาบาล ทีมแพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์รักษาผู้บาดเจ็บสามารถรับมือได้ไม่มีปัญหา
“ทาง รพ.รามาฯ ได้ถวายรายงานความคืบหน้าการรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นระยะๆ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.รามาฯ อีก 5 คน ได้มีเจ้าหน้าที่ในพระองค์มาติดตามอาการอย่างต่อเนื่องเช่นกัน”ผอ.รพ.รามาธิบดี กล่าว
ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม แพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า ผลการชันสูตรศพ นายยุทธพงษ์ เสมอภาค การ์ดอาสาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พบว่า มีเศษวัสดุทะลุผ่านบริเวณท้ายทอยเข้าไปยังบริเวณก้านสมอง โดยมีเศษวัสดุแข็งเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 ซม. ทำให้มีเลือดอออกมากบริเวณผิวสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิต โดยเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเศษวัสดุดังกล่าวเป็นสะเก็ดระเบิดไม่ทราบชนิด ต้องนำส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม เศษวัสดุดังกล่าวเป็นเศษวัสดุคล้ายคลึงกับที่พบในบาดแผลผู้บาดเจ็บรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตามร่างกายของผู้เสียชีวิตยังพบบาดแผลบริเวณหน้าแข้งข้างขวา ประมาณ 0.5 ซม. และมีรอยช้ำที่บริเวณกระบอกตา คาดว่าอาจจะถูกแรงกระแทก อย่างไรก็ตาม ญาติผู้เสียชีวิตได้รับศพนายยุทธพงษ์ออกจาก รพ.รามาฯ ตั้งแต่วานนี้ (23 พ.ย.) เวลา 17.00 น.แล้ว ส่วนหลักฐานต่างๆ ก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ด้าน นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผอ.รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ลอบปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน และจากการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา ทุกรายที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.รามาธิบดีมีอาการดีขึ้น ไม่น่าวิตกกังวล โดยมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนเข้ารักษาตัวที่ รพ.รามาฯ ทั้งสิ้น 3 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย( นายยุทธพงษ์ เสมอภาค) รักษาตัวที่โรงพยาบาล 1 ราย และอีก 1 รายแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว
นพ.ธันย์ กล่าวต่อว่า ทาง รพ.รามาฯ ได้มีการประชุมและประสานงานกับศูนย์เอราวัณ กทม. และ รพ.เครือข่ายของกรุงเทพฯ ทั้งหมด เพื่อวางแผนในการรับมือในกรณีที่อาจเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในวันนี้ (24 พ.ย.) โดยมีการวางแผนเตรียมพร้อมเรื่องของรถพยาบาล ทีมแพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์รักษาผู้บาดเจ็บสามารถรับมือได้ไม่มีปัญหา
“ทาง รพ.รามาฯ ได้ถวายรายงานความคืบหน้าการรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นระยะๆ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.รามาฯ อีก 5 คน ได้มีเจ้าหน้าที่ในพระองค์มาติดตามอาการอย่างต่อเนื่องเช่นกัน”ผอ.รพ.รามาธิบดี กล่าว