“ศรีเมือง” ลั่น “ย้ายทันที” หากพบ ผอ.ร.ร.ยอดนิยม ครู รับเงินแปะเจี๊ยะ ผู้ปกครองไม่ต้องห่วงว่าลูกหลานไม่มีที่เรียน ย้ำทุกคนมีที่เรียนชัวร์ "คุณหญิงกษมา"ไม่ขัดข้องดีเอสไอจะเข้ามาช่วยจับแป๊ะเจี๊ยะ ชี้หากตรวจพบผู้บริหาร-ครู เรียกเงินเข้ากระเป๋าตัวเองมีโทษไล่ออก แต่หากเอาไปพัฒนาโรงเรียนก็ต้องถูกลงโทษทางวินัย ระบุดีเอสไอต้องการช่วยป้องปรามมากกว่าจะเอาจริง ยันไม่กระทบภาพลักษณ์ สพฐ.
นายศรีเมือง เจริญศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานการรับนักเรียนประจำปีการศึกษา 2552 จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ ตนยังได้ย้ำนโยบายไม่ให้โรงเรียนรับเงินแปะเจี๊ยะ หรือเงินอันเป็นผลประโยชน์ในช่วงรับนักเรียนเด็ดขาด ถึงแม้ว่าระยะนี้ยังไม่ถึงช่วงรับนักเรียน กลับมีผู้ร้องเรียนเรื่องการรับเงินฝากเด็กเข้าเรียนมาบ้างแล้ว ตนไม่อยากให้เกิดลักษณะนี้ขึ้นกับแวดวงการศึกษา เพราะตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเด็กจะได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปีอย่างทั่วถึงและไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันรัฐบาลได้จัดการศึกษาสูงกว่าตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดถึง 14 ปี
ส่วนผู้ปกครองห่วงว่าบุตรหลานจะไม่มีโรงเรียนเรียนนั้น ตนขอยืนยันว่า เด็กทุกคนจะต้องมีที่เรียนและทุกคนต้องได้เรียน กระทั่งเด็กชาวเขา ที่อยู่ตามตะเข็บชายแดนหรืออยู่ห่างไกลในถิ่นทุรกันดารทุกคนก็ต้องได้เข้าสู่ระบบการศึกษา เพราะ ศธ.มีระบบจัดการศึกษาที่หลากหลายมีทั้งในระบบ นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI จะเข้ามาตรวจสอบการรับเงินแปะเจี๊ยะโรงเรียนยอดนิยม นายศรีเมือง กล่าวว่า ยินดีหาก DSI จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะ DSI มีกระบวนการตรวจสอบในเชิงลึก อย่างไรก็ดี หากผลตรวจสอบของ DSI พบว่า มีใครรับเงินแปะเจี๊ยะจริง จะสั่งย้ายทันที
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า การที่ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ ถือว่าเป็นเรื่องดี และตนยินดีให้เข้ามาตรวจสอบโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ซึ่งคงไม่มีอะไรอยู่แล้ว โดยการเข้ามาตรวจสอบของดีเอสไอ คงมาในรูปแบบที่หลากหลาย คิดว่าคงดำเนินการได้ และน่าจะเป็นประโยชน์ทำให้ผู้บริหารโรงเรียน ผู้ปกครองมีความระมัดระวังมากขึ้น ดังนั้น ทาง สพฐ.ไม่ขัดข้อง อย่างไรก็ตามหากพบว่ามีการเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะในช่วงรับนักเรียน ก็ต้องมีการดำเนินการ โดยหากมีการเรียกรับเงินเพื่อเข้ากระเป๋าตัวเอง ก็จะถูกไล่ออกจากราชการ แต่ถ้านำไปพัฒนาโรงเรียน ก็คงจะมีโทษทางวินัยเพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายว่าห้ามรับเงินแป๊ะเจี๊ยะ ส่วนที่ถามว่าจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสพฐ.หรือไม่นั้น เรื่องนี้คงไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะโรงเรียนในสังกัด สพฐ. แต่น่าจะมีในหลายสังกัด แต่การจะไปจับผิดโรงเรียนนั้น เป็นเรื่องที่จะทำให้โรงเรียนมีความระมัดระวังและมีความโปร่งใสมากขึ้น
“การแก้ปัญหานี้ต้องมีความเข้าใจด้วยว่า ทำไมถึงต้องมีการรับเงิน ซึ่งอาจเป็นเพราะเรามีการสนับสนุนงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งกำลังพยายามแก้ไขอยู่ และน่าจะดีขึ้นตามลำดับ การเข้ามาตรวจสอบของดีเอสไอ คิดว่าเป็นการป้องปรามด้วย เพราะหากเขาจะทำก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องให้ข่าว และจะจับได้มากกว่าด้วย แต่คิดว่ามีเจตนาที่จะช่วยเราในการป้องปรามให้เห็นว่ามีคนจับตาดู” คุณหญิงกษมา กล่าว
