xs
xsm
sm
md
lg

รับศพ “น้องโบว์” ตั้งวัดศรีประวัติ พ่อยกเงินบริจาคให้เอเอสทีวีทั้งหมด ฝากพันธมิตรฯ สู้ต่อ (ดูแผนที่ไปวัดศรีประวัติ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



ครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” รับศพ “น้องโบว์” ออกจาก รพ.รามาฯ ตั้งบำเพ็ญกุศลวัดศรีประวัติ ตลิ่งชัน 7 วัน “พ่อน้องโบว์” ยกเงินบริจาคที่เข้ามาทั้งหมดให้เอเอสทีวี เผยไม่นำศพลูกไปทำเนียบฯ เพราะไม่อยากรบกวน พันธมิตรฯ ที่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ “ขอให้สู้ต่อไป” แฉภรรยาซึ่งรักษาตัวอยู่ รพ.ศิริราช ถูกโทร.ขู่ “ถ้าไม่ตายก็จะเอาให้ตาย” เตรียมฟ้องเอาผิดตำรวจ-รัฐบาลทำลูกตาย-เมียเจ็บ


เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ รพ.รามาธิบดี นายจินดา ระดับปัญญาวุฒิ อายุ 54 ปี บิดา นางสาวอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ “น้องโบว์” อายุ 27 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลัง และอาวุธสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (7 ต.ค.) พร้อมด้วยครอบครัว และเพื่อนบ้าน ได้เดินทางมารับศพบุตรสาว โดย นายจินดา กล่าวระหว่างรอรับศพ ว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าลูกสาวได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว เพราะเสียชีวิตเพื่อชาติ ส่วนกรณีที่พันธมิตรฯ ติดต่อมาว่าจะขอนำศพลูกสาวไปทำพิธีรดน้ำที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ครั้งแรกได้รับปากไป แต่ตอนนี้ต้องปฏิเสธ เพราะสงสารลูก เพราะขณะนี้สถานการณ์ยังสู้กันอยู่ และพันธมิตรฯ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ ที่ปฏิเสธไม่ใช่ว่าไม่อยากไป แต่ไม่อยากรบกวน และขอให้พันธมิตรฯ ทุกคนสู้ต่อไป และในวันนี้ (8 ต.ค.) จะนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา และทำพิธีสวด 7 วัน ก่อนจะฌาปนกิจที่วัดศรีประวัติ ตลิ่งชัน


นายจินดา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศชาติเป็นแบบนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวตนนั้น ลูกสาวของตนก็ไม่ได้ไปบุกรุกที่ไหน ไปมือเปล่า และไปเดินขบวนประท้วง ซึ่งถือว่าประชาชนมีสิทธิ เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ทำได้ เพราะหากประชาชนเดินประท้วงไม่ได้ จะถือว่าเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร

“ผมคงไม่เรียกร้องให้รัฐบาลมารับผิดชอบ เพราะคงไม่ได้ประโยชน์อะไร และรัฐบาลทำอะไรอยู่ ก็ควรรู้อยู่แก่ใจ ตอนนี้อย่าเพิ่งถามเรื่องกำลังใจเลย เพราะขณะนี้อาการของ นางวิชชุดา (ภรรยาซึ่งบาดเจ็บเช่นกัน รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศิริราช )แม้ว่าจะดีขึ้น แต่ก็ยังบาดเจ็บที่ขา”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางลีนา จังจรรจา (ลีน่า จัง) ได้เดินทางมาที่ รพ.รามาธิบดี และมอบเงินช่วยเหลือให้กับ นายจินดา จำนวน 10,000 บาท โดย นายจินดา กล่าวว่า ขอขอบคุณที่มอบเงินช่วยเหลือ แต่เงินจำนวน 10,000 บาทที่ให้กับลูกสาวนั้น ตนจะขอบริจาคให้กับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี รวมทั้งเงินบริจาคที่จะมีผู้บริจาคเข้ามาทั้งหมด ตนขอยกให้กับเอเอสทีวีทั้งหมดเช่นกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้รับการติดต่อจาก นางสาวอัญชลี ไพรีรัก ทั้งการช่วยเหลือประสานงาน และติดต่อเรื่องโรงพยาบาลมาโดยตลอด อีกทั้งแกนนำพันธมิตรฯ ทุกคนก็พร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพในพิธีศพน้องโบว์ แต่ตนขอปฏิเสธ เพราะเรื่องนี้ไม่จำเป็น และไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน สามารถจัดการได้ทั้งหมด แต่ขณะนี้ประเทศชาติยังอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติและไม่รู้จะดีขึ้นเมื่อไหร่จึงขอให้พันธมิตรฯ สู้ต่อไป

“ผมไม่รู้สึกกลัวอะไรแล้ว ลูกก็ไปแล้ว เขาได้ทำเพื่อชาติ และพระมหากษัตริย์ ได้ไปสวรรค์แล้ว ไม่รู้สึกกลัวเพราะลูกก็ไปแล้ว”

นายจินดา กล่าวด้วยว่า เมื่อวานนี้มีผู้โทรศัพท์เข้ามายังมือถือ นางวิชชุดา โดยขู่ว่า “ถ้าไม่ตายก็จะเอาให้ตาย” ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นคนกลุ่มใด และทำแบบนี้เพื่ออะไร เพราะตนก็เป็นคนธรรมดา อย่างไรก็ตาม ถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานใดๆ ซึ่งเมื่อวานนี้ตนก็ได้ให้ปากคำกับตำรวจไปแล้ และได้ปรึกษากับทนายความเพื่อฟ้องร้องเอาผิดกับตำรวจ และรัฐบาลต่อไปด้วย

นายจินดา กล่าวด้วยว่า ปกติลูกสาวมีนิสัยร่าเริง ขยันขันแข็งช่วยงานที่บ้าน และมักจะไปชุมนุมร่วมกับพันธมิตรฯ เป็นประจำตั้งแต่ปี 2549 โดยไปทั้งครอบครัวบ้าง หรือน้องโบว์ ไปกับกับแฟนบ้าง ในวันเกิดเหตุตนส่งลูกและภรรยา เวลา 18.00 น.และบอกให้ลูกกลับมาอาบน้ำก่อนแต่ลูกไม่ยอมกลับ ซึ่งขณะเกิดเหตุตนไม่คิดว่าจะมีอะไรแล้ว คิดว่า น้องโบว์ออกมาเดินอยู่กับแม่ ขณะที่ นางวิชชุดา เองก็ไม่คิดว่าลูกจะเป็นอะไรมาก ไม่คิดว่าจะเสียชีวิต เพราะระหว่างนั้นถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลคนละที่ และในที่เกิดเหตุเต็มไปด้วยแก๊สน้ำตา มองอะไรไม่เห็น ซึ่งหลังจากนี้อีกระยะหนึ่งตนจะกลับไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ส่วนลูกๆ หากจะร่วมชุมนุมต่อตนก็ไม่ห้าม

“ผมฝากถามรัฐบาลว่า หากเป็นแก๊สน้ำตาไม่ใช่ระเบิด ลูกสาวและภรรยาผมจะถูกสะเก็ดระเบิดได้อย่างไร เพราะเพื่อนลูกหลายคน ก็ถูกสะเก็ดระเบิดด้วยเช่นกัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 12.00 น.ทางครอบครัวได้ทำพิธี และนำร่างน้องโบว์ออกจาก รพ.รามาธิบดี ไปยังวัดศรีประวัติ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา โดยจะไม่มีการดน้ำศพเนื่องจากเป็นการประกอบพิธีตามประเพณีจีนที่ไม่รดน้ำศพผู้ที่อายุน้อยกว่า ทั้งนี้ ศพจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาสิงห์ สิงหเสนี วัดศรีประวัติ ตลิ่งชัน

**สันติอโศกมอบหนังสือธรรมะผู้บาดเจ็บ
ช่วงเวลา 12.30 น.มีนักบวชจากสำนักสันติอโศกกว่า 10 คน เดินทางไปยัง รพ.รามาบดี โดยนำหนังสือธรรมะมอบให้กับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ทั้งนี้ ส.ต.ต.ธีรเชษฐ์ ธาราปัญจทรัพย์ อายุ 25 ปี ซึ่งพักรักษาตัวที่ชั้น 5 ตึกศัลยกรรมชาย กล่าวว่า ขณะที่ได้ทำหน้าที่อยู่นั้นพบว่าสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากผู้ชุมนุมมีอารมณ์โกรธแค้นเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนกำลังช่วยเพื่อนตำรวจที่ถูกรุมทำร้าย ก็รู้สึกถูกกระแทกอย่างแรงที่ขาจนล้ม และหมดสติ ต่อมาทราบในภายหลังว่าถูกรถชนมีอาการเจ็บข้อเข่า อักเสบรุนแรง และบาดเจ็บที่ด้านหลัง

“เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่อยากให้มองว่า ไทยแบ่งฝักฝ่าย เพราะทุกคนล้วนมีความสูญเสีย ยิ่งหากมองในสายตาของชาวต่างชาติ ก็จะเห็นว่าคนไทยทำร้ายกันเอง ผมไม่รู้สึกเสียกำลังใจ และเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เป็นห่วงประเทศที่บอบช้ำ ถึงผมจะถูกทำร้ายหรือเสียชีวิตหากเป็นในหน้าที่ก็ไม่เสียใจ และยืนยันว่าคำสั่งสลายผู้ชุมนุมไม่ให้ใช้ความรุนแรง แต่ให้เน้นการป้องกันตัว ซึ่งผมไม่มีอาวุธ มีเพียงโล่ และกระบองเท่านั้น”

เส้นทางเดินทางไปวัดศรีประวัติ

ถ้ามาเส้นถนนปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี ให้วิ่งตรงไปเรื่อยๆ เมื่อผ่านสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ วิ่งตรงไปสักพัก ก็จะเจอวงแหวนที่ให้วิ่งเข้าช่องกลางถนนที่มีป้ายเขียนว่าไปบางใหญ่ เมื่อวกกลับเรียบร้อยแล้ว ให้ขับรถไปสักพักตามถนนใหญ่ และจะมีการขับรถข้ามสะพาน ให้สังเกตว่า ข้างซ้ายมือจะเห็นร้านขายรถจักรยานยนต์ และจะเห็นป้ายโฆษณาขายบ้านโครงการพฤกษาวิลล์ (ซอยวัดศรีประวัติ) ให้เข้าซอยนี้ไปได้ระยะประมาณ 100-200 เมตร ก็จะเห็นวัดศรีประวัติ



แผนที่การเดินทางไปวัดศรีประวัติ











กำลังโหลดความคิดเห็น