xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม” ยันยังไม่เซ็นคุม “เมลามีน” อ้างไม่ได้พกความโง่จากบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อย.ห้าม “ดัชมิลล์” นำนมผงจากจีนที่ถูกอายัดส่งกลับประเทศจีน โดยไม่ได้รับอนุมัติใบรับรองสินค้าจาก อย.และศุลกากร คาดกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ใช้เวลาตรวจสอบ 2 วัน รู้ผลปนเปื้อนหรือไม่ ขณะที่ข้อสรุปวอร์รูมเมลามีนเตรียมเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้ใบรับรองทุก 15.00 น. ด้าน “เฉลิม” ย้ำไม่ได้พกความโง่มาจากบ้านจะได้เซ็นลงนามก่อนแถลงนโยบายรัฐบาล พร้อมสั่งเดินหน้าห้ามขายเหล้า เบียร์ ในวันหยุดเทศกาล วันนักขัตฤกษ์ วันสำคัญทางศาสนา สธ. ตีปีกเอาร่างประกาศใส่พานรอเสนอนายกฯ ลงนาม คาดทันใช้ปีใหม่นี้

วันที่ 2 ตุลาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการ อย. กล่าวว่า แม้ทางบริษัท ดัชมิลล์ จำกัด จะยืนยันว่านมผงที่นำเข้าจากประเทศจีนที่อยู่ระหว่างการนำเข้าพิธีการทางศุลกากรที่ท่าเรือปท.10 จ.สมุทรปราการจำนวน 100 ตันได้ตรวจสอบนมผงดังกล่าวโดยห้องปฏิบัติการของบริษัท ซึ่งไม่มีสารเมลามีนและยืนยันที่จะส่งนมผงล็อตดังกล่าวกลับไปยังประเทศต้นทาง คือ ประเทศจีน แต่ทาง อย.ไม่ยอมรับการกระทำดังกล่าว โดยขั้นตอนการส่งคืนวัตถุดิบใดๆ จะต้องมีใบรับรองสินค้าจาก อย.และศุลกากร จึงจะสามารถถอนการอายัดและส่งสินค้าออกจากท่าเรือได้

“ขณะนี้ อย.อยู่ระหว่างการรอผลตัวอย่างนมผงล็อต100 ตันและ 22 ตันของบริษัท ดัชมิลล์ ก่อนหน้านี้ไปตรวจสอบยืนยันอีกครั้งหนึ่งที่ห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งใช้เวลาในการตรวจประมาณ 2 วัน และไม่ว่าจะผ่านการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการแห่งใด อย.ก็จะนำตัวอย่างสินค้ามาตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โดยยึดผลแล็บจากกรมวิทยาศาสตร์ฯเป็นมาตรฐาน ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์ฯ ได้พัฒนาชุดตรวจสารเมลามีนในเบื้องต้นสำเร็จ โดยจะกระจายไปให้ศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบตัวอย่างแล้ว” นพ.พิพัฒน์ กล่าว

นพ.พิพัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าอย่าให้กระพือข่าวเรื่องสารเมลามีน เพราะเกรงว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศนั้น ความจริงแล้วตนเองได้ให้ข้อมูลกับ ร.ต.อ.เฉลิม ถึงมาตรการป้องกันการปนเปื้อนสารเมลามีน ว่าใช้วิธีการคุมเข้มโดยการตรวจสอบ แต่ยังไม่ถึงขั้นห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนโดยตรงเหมือนกับที่หลายประเทศดำเนินการแล้ว ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมก็เห็นด้วยในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่ใช่การห้ามดำเนินการตามมาตรการที่ทำอยู่

นอกจากนี้ ข้อสรุปของคณะทำงานเฉพาะกิจเกี่ยวกับการปนเปื้อนเมลามีนในอาหารและผลิตภัณฑ์นม หรือวอร์รูมเมลามีนมีข้อสรุปว่า ในเวลา 15.00 น.ของทุกวันจะเผยแพร่ข้อมูลสินค้าที่ได้รับการรับรองจาก อย.ผ่านสื่อมวลชนเพื่อให้ประชาชนทราบและไม่ตื่นตระหนก รวมทั้งจะเก็บตัวอย่างเพิ่มเติมในสินค้าที่นำเข้าทางด่านอาหารและยาพร้อมรายงานการอายัดสินค้าว่ามีจำนวนเท่าไหร่ด้วย ส่วนกรณีที่ประเทศฮ่องกงพบว่ามีการพบสารเมลามีนในกูลิโกะ ก็จะมีการตรวจวิเคราะห์สารเมลามีนเพื่อความมั่นใจ แม้จะไม่มีข้อมูลว่ามีการนำเข้ากูลิโกะจากประเทศจีนก็ตาม

“เวลานี้เป็นเรื่องความซื่อสัตย์ของผู้ค้า มิฉะนั้นผู้ผลิตจะเสียหายเอง แต่ไม่อยากให้ตื่นตระหนก จนเกินไป เพราะจะส่งผลกระทบกับเกษตรกรโคนมในประเทศ จึงขอยืนยันว่าขณะนี้นมในตลาดส่วนใหญ่มีความปลอดภัยสามารถรับประทานได้” นพ.พิพัฒน์กล่าว

นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการ อย.กล่าวว่า อย.ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศจำนวน 103 ตัวอย่าง ขณะนี้ทราบผลแล้ว 89 ตัวอย่าง และรอผลการวิเคราะห์ 14 ตัวอย่าง ขณะนี้ได้ออกใบรับรองแล้วจำนวน 31 รายการ ซึ่งส่วนหนึ่งเจ้าหน้าที่อย.เป็นผู้เก็บตัวอย่าง และอีกส่วนหนึ่งบริษัทเป็นผู้เก็บตัวอย่าง ดังนั้น จึงต้องมีการตรวจซ้ำในล็อตที่บริษัทเป็นผู้ตรวจวิเคราะห์ด้วย

“ผลิตภัณฑ์นมผงของบริษัท ดัชมิลล์ จำนวน 100 ตัน ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้ส่งกลับประเทศจีน หรือหายไปไหน แต่ยังคงอยู่ที่ท่าเรือ ด่านศุลกากร โดยมีการย้ายสถานที่จัดเก็บเพื่อความเหมาะสมเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากบริษัทจะส่งคืนก็เป็นเรื่องของบริษัทแต่ อย.มีหน้าที่ตรวจสอบสินค้าทั้งหมดที่จะนำเข้า” นพ.นรังสันต์ กล่าว

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า หนังสือพิมพ์บางฉบับรายงานว่าตนไม่เซ็นลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาควบคุมสารเมลามีนในอาหารนั้น ตนทราบว่าอยากให้เซ็นประกาศดังกล่าวไวๆ แต่ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา อำนาจรัฐมนตรีจึงยังไม่มีสิทธิเต็มในการลงนามคำสั่งใดๆ

“หากผมพกความโง่มาจากบ้านก็คงจะเซ็นไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องที่ผมจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับนายกสมาคมไหหลำ ฮกเกี้ยน แต้จิ๋ว ไม่ได้ทำเป็นทางการ แต่เป็นการพบกันแบบส่วนตัว ซึ่งผมกับนายกสมาคมเหล่านี้ก็ชอบกันมานาน และยืนยันว่าหากแถลงนโยบายเรียบร้อยจะลงนามทันที”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 ตุลาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวในการตรวจเยี่ยมการทำงานกรมควบคุมโรค ว่า ในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย(มท.) มีแนวคิดในการควบคุมระยะเวลา และสถานที่ในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่ วันสงกรานต์ วันนักขัตฤกษ์ และวันสำคัญทางศาสนา ดังนั้น จะสานต่อนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เดิม โดยสั่งการให้กรมควบคุมโรค เร่งศึกษาข้อกฎหมายเพื่อออกมาตรการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถานที่จำหน่ายต่างๆ แล้วจัดทำข้อกฎหมายให้แล้วเสร็จเสนอตนภายในเวลา 1 เดือน โดยตนจะเร่งเสนอเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบทันที

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า การออกมาตรการควบคุมเพื่อให้เกิดความยากลำบากในการหาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะการจำหน่ายตามถนนต่างๆ ที่เป็นสาเหตุหลักทำให้เกิดอุบัติเหตุ มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และก่อปัญหาอาชญากรรมได้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ สงกรานต์ จากผลสำรวจสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. 2549 พบประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ดื่มสุรา ร้อยละ31 หรือเกือบ 16 ล้านคน เป็นชาย 13 ล้านคน ที่เหลือเป็นหญิง โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ดื่มประจำ 9 ล้านกว่าคน

“อะไรที่ช่วยให้เยาวชน วันรุ่น กินเหล้าได้ลดน้อยลงไปก็จะทำให้หมด และเชื่อว่าประชาชนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนมาตรการต่อไปที่จะทำคือการควบคุมโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเบื้องต้นคงจะต้องขอความร่วมมือก่อนที่จะมีการบังคับใช้กฎหมาย”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ด้านนพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดทำร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง วัน หรือเวลา ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยอาศัยอำนาจของพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ตามมาตรา 28 เรื่องห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งประกาศฉบับนี้ มีสาระสำคัญคือ 1.ควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันสำคัญทางศาสนา ที่ครม. ประกาศกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ และวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ ที่ครม. ประกาศกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ 2.ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างวัน ยกเว้นในเวลา 10.00 น. -14. 00 น. และเวลา 17.00 น.-24.00 น.

นพ.สมาน กล่าวต่อว่า การห้ามจำหน่ายครอบคลุมเฉพาะร้านค้า สถานบริการ ที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่การจำหน่ายระหว่างผู้ผลิตไปยังผู้ค้าส่งหรือค้าปลีก ยังสามารถทำการค้าได้ตามปกติ ขณะที่ผู้บริโภคยังสามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันหยุดตามที่กล่าวมาข้างต้นได้ตามปกติ เพราะประกาศฯ ไม่ได้ห้ามเรื่องการดื่ม แต่จะต้องเป็นการซื้อมาดื่มล่วงหน้า สำหรับผู้ฝ่าฝืน จะมีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“คาดว่าจะสามารถเสนอประกาศฉบับดังกล่าว ไปยังร.ต.อ.เฉลิมได้ภายในเร็วๆ นี้ เพื่อเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรัฐมนตรีว่าการประทรวงสาธารณสุข เป็นรองประธานคนที่ 1 เห็นชอบลงนามในประกาศ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา 1 วัน จึงคาดว่าประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ทันก่อนเทศกาลปีใหม่นี้แน่นอน” นพ.สมาน กล่าว

นพ.สมาน กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมายังไม่มีกฎหมายหมายจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันหยุดสำคัญทางศาลนา หรือวันหยุดเทศกาล มีเพียงเป็นการขอความร่วมมือจากร้านค้า สถานบันเทิงเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้รับความร่วมมือดี มีจำนานน้อยมากที่ฝ่าฝืน ซึ่งมาตรการควบคุมใหม่ที่จะบังคับใช้นี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะช่วยลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่ในช่วงเทศกาลต่างๆ

นพ.สมาน กล่าวว่า สำหรับการออกกฎกระทรวงต่างๆ ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องแอลกอฮอล์ นั้น ขณะนี้ได้ร่างกฎกระทรวงเสร็จเรียบร้อยเกือบ 100% แล้ว ส่วนกฎกระทรวง ควบคุมเรื่องการโฆษณา คาดว่าจะยังไม่แล้วเสร็จ เพราะมีการถกถียงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่อง โลโก้ คำเตือน ที่จะปรากกฎในต่างประเภทต่างๆ รวมทั้งการโฆษณาภาพลักษณ์ หรือเชิงสร้างสรรค์ ที่ต้องกำหนดระยะเวลาการออกอากาศว่าควรอยู่ในช่วงเวลาใด แต่เบื้องต้นได้กำหนดให้เป็นไปตามเดิม คือออกอากาศได้ตั้งแต่เวลา 22.00 น. – 05.00 น. เท่านั้น ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงทั้งหมด ยังต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย ซึ่งจะมีการประชุมพิจารณาเรื่องนี้ในระหว่างวันที่ 4-5 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรมริชมอนด์

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ เวลา 10.00 น. แกนนำเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์และองค์การภาคีเพื่อสนับสนุนนโยบายห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเทศกาลสำคัญจะเดินมากระทรวงสาธารณสุขเพื่อ เร่งรัดให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย

เมื่อเวลา 11.30 น.วันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม ได้เข้าตรวจเยี่ยมการทำงานของกรมการแพทย์ โดยได้มอบนโยบายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและอธิบดีกรมการแพทย์เป็นผู้รับผิดชอบ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ การวางแผนพัฒนาศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้เป็นที่รู้จักของนานาชาติ โดยคัดเลือกโรงพยาบาลที่มีศักยภาพมาพัฒนา ทั้งในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ และในกรุงเทพมหานครอีก 1 แห่ง ภายใน 1 เดือน และเรื่องที่ 2 บูรณาการพันธกิจและภารกิจด้านการบำบัดรักษายาเสพติดเป็นรูปแบบเดียวกันทั้งประเทศ โดยพัฒนาจากรูปแบบของจังหวัดสระแก้วที่ได้รับรางวัลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) มาขยายผลใช้ต่อในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมผู้บริหารทุกระดับ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค โดยเฉพาะผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน ในวันที่ 9 ตุลาคม 2551 ที่โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลซ เพื่อร่วมกันระดมสมองค้นหาปัญหาและแนวทางแก้ไข รวมทั้งการพัฒนางานของกระทรวงสาธารณสุขให้ก้าวหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น