“ศรีเมือง” พบทางสว่างสร้างชีวิตครูให้มีความสุข มีเงินวิทยฐานะ ไม่มีหนี้สิน แต่ยังอุบ บอกให้รอแถลงนโยบายก่อน เล็งหารือร่วมกระทรวงวิทย์ แก้ปัญหาขาดแคลนครูสอนวิทยาศาสตร์ โดยนำเทคโนโลยีมาช่วย ด้านองค์กรครูตบเท้าเสนอนโยบายเร่งด่วนด้านการศึกษาให้ “ศรีเมือง”ผลักดัน โดยให้ปฏิรูปการศึกษาเป็นวาระชาติ ตั้งทบวงการศึกษาขั้นพื้นฐาน สรรงบอาหารกลางวันให้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แก้ปัญหาการขอเลื่อนวิทยฐานะและเออร์ลี่รีไทร์ ด้าน “ศรีเมือง” บอกยังพูดรายละเอียดอะไรไม่ได้รอรัฐบาลแถลงนโยบายก่อน
นายศรีเมือง เจริญศิริ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการศึกษาข้อมูลที่ได้รับกระทรวงศึกษาธิการมีโรงเรียนในสังกัดทั่วประเทศ ประมาณ 45,000 โรง แต่มีโรงเรียนที่ขาดแคลนครูวิทยาศาสตร์ ประมาณ 30,000 กว่าโรง ซึ่งการที่ประเทศขาดแคลนครูวิทยาศาสตร์มากๆ ส่งผลให้การพัฒนาประเทศไม่เจริญเท่าที่ควร ดังนั้น หลังรัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตนและนายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะหารือร่วมกันว่าจะแก้ปัญหาการขาดแคลนครูวิทยาศาสตร์อย่างไร
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการเรียนวิทยาศาสตร์ค่อนข้างยาก และคนที่เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มักจะไม่อยากเป็นครูแต่จะไปทำงานด้านอื่นที่มีรายได้มากกว่า ดังนั้น เมื่อเราผลิตครูวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอก็คงต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยนำซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย ผลิตโดยผู้ที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ในการเรียนการสอน หากโรงเรียนใดมีปัญหาขาดแคลนครูก็ให้ครูที่เก่งๆ สอนผ่านอินเทอร์เน็ต ครูคนเดียวจะสามารถสอนได้เป็น 100 โรง ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดกับกระทรวงวิทย์อีกครั้ง นอกจากนี้ในอนาคตต้องวางแผนการผลิตครูเพื่อรองรับ เพราะมีครูเก่งๆ เกษียณอายุราชการ หรือเข้าร่วมโครงการเกษียณก่อนกำหนด ทำให้เราขาดแคลนครูที่มีความชำนาญในการเรียนการสอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศธ.จะมีแรงจูงใจให้นักเรียนเหรียญทองโอลิมปิกวิชาการมาเป็นนักวิจัย หรือครูอย่างไร รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ศธ.มีเด็กเก่งที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกวิชาการเป็นจำนวนมาก แต่การจูงใจให้มาเป็นนักวิจัยหรือเป็นครู เรื่องนี้ปัญหาเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของครู เพราะปัจจุบันเรื่องของเงินวิทยฐานะครู และบุคลากรทางการศึกษายังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขต่อไป นอกจากนี้ รายได้ของครูก็น้อยทำให้ครูมีปัญหาเรื่องหนี้สินที่หมักหมมมายาวนาน ซึ่งตนกำลังตรวจสอบและหาวิธีแก้ไขปัญหาให้กับครูอยู่
“ตอนนี้พอพบแนวทางแล้ว ส่วนจะมีการปรับเพิ่มเงินวิทยฐานะให้กับครูหรือไม่นั้น ยังไม่ขอเปิดเผย คงต้องรอหลังแถลงนโยบายต่อสภาฯเสร็จเรียบร้อยก่อน แต่ยืนยันว่าพบแนวทางที่จะทำให้ทุกคนมีความสุขได้ ครูจะมีเงินวิทยฐานะ มีเงินใช้หนี้สินต่างๆ” นายศรีเมือง กล่าว
ต่อข้อถามถึงแนวคิดที่จะเสนอให้ปรับฐานเงินเดือนครูใหม่เพื่อจูงใจคนดี คนเก่งเข้ามาเป็นครู นายศรีเมือง กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องปรับปรุงกันทั้งระบบ เพราะหากแก้ปัญหาอีกด้านหนึ่งแล้วไปเจอปัญหาอีกด้านหนึ่งคงไม่ได้ ครูเป็นข้าราชการเหมือนกระทรวงอื่นๆ ต้องมีวิธีแก้ไขที่เหมือนกัน แต่อะไรที่ไม่เท่าเทียมก็ต้องปรับปรุงให้เท่าเทียมกัน สำหรับเรื่องของการปฏิรูปการศึกษานั้น โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าอะไรที่จะต้องปรับปรุงเพื่อให้ดีขึ้นก็ต้องทำ ซึ่งอาจจะมีการทบทวนการปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้เป็นประโยชน์และมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุมกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย(คอท.) นำโดยนายเพิ่ม หลวงแก้ว ประธานสหภาพครูแห่งชาติ นายสนอง ทาหอม ประธานสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย(ส.ค.ท.)พร้อมตัวแทนครูทั่วประเทศกว่า 50 คน เข้าพบนายศรีเมือง เจริญศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเสนอนโยบายทางด้านการศึกษา
นายศรีเมือง กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องที่เสนอมาไปพิจารณา แต่หลายละเอียดหลายเรื่องต้องรอหลังแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ จะสามารถเปิดเผยได้ ซึ่งในส่วนของปัญหาโครงการเออร์ลี่รีไทร์นั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีสมัยเป็น รมว.ศธ.ได้ทำเรื่องนี้เสนอไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่ได้เสนอพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ดังนั้น หลังแถลงนโยบายของรัฐบาลแล้วอาจจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษในวันที่ 9 ตุลาคมตนจะนำเรื่องโครงการเออร์ลี่รีไทร์เสนอในที่ประชุม และคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ด้าน นายเพิ่ม กล่าวว่า เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทยได้ประชุมหารือกันแล้วมีมติให้เสนอ 9 นโยบายเร่งด่วนทางด้านการศึกษาให้นายศรีเมืองผลักดัน ได้แก่ 1.ให้มีการปฏิรูปการศึกษาโดยยึดการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ 2.ให้มีการจัดตั้งทบวงการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3.เร่งขยายการศึกษาภาคบังคับ 9 ปีอย่างทั่วถึง และครอบคลุม 4.ให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคลอย่างแท้จริง 5.จัดสรรงบประมาณอาหารกลางวันให้ครบ 100%.ให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ 6.เร่งรัดปรับปรุงกฎหมายที่คงค้างอยู่ให้เกิดความเป็นธรรมและรวดเร็ว 7.แก้ปัญหาข้าราชการครูที่ขอเลื่อนวิทยฐานะที่ไม่ผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ ก.ค.ศ.กำหนดโดยให้มีเยียวยาอย่างเร่งด่วน และควรมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมิน ซึ่งไม่ควรยึดการทำผลงานทางวิชาการแม้ว่าสำนักงาน ก.ค.ศ.จะได้ปรับเกณฑ์ใหม่ที่จะใช้เร็วๆนี้ ก็ยังมีเรื่องของการทำผลงานทางวิชาการ ซึ่งจะทำให้ครูไม่ถนัดทำผลงานและอาจไม่ผ่านการประเมิน 8.แก้ไขปัญหาข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาที่ขอเข้าโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดหรือเออร์ลี่รีไทร์ปีงบประมาณ 2551 ที่ยังมีครู จำนวน 3,077 คนคงค้างอยู่ และ 9.ปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2550
นายเพิ่ม กล่าวด้วยว่า นายศรีเมืองรับที่จะนำทั้ง 9 ประเด็นไปพิจารณา ซึ่งจากการรับฟังนายศรีเมืองมีความเข้าใจในปัญหาที่เสนอ เพียงแต่ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก ดังนั้น ทาง คอท.จะกลับไปประชุมเพื่อจัดทำรายละเอียดของทุกประเด็นมาเสนออีกครั้งในราวกลางเดือนตุลาคมนี้
นายศรีเมือง เจริญศิริ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการศึกษาข้อมูลที่ได้รับกระทรวงศึกษาธิการมีโรงเรียนในสังกัดทั่วประเทศ ประมาณ 45,000 โรง แต่มีโรงเรียนที่ขาดแคลนครูวิทยาศาสตร์ ประมาณ 30,000 กว่าโรง ซึ่งการที่ประเทศขาดแคลนครูวิทยาศาสตร์มากๆ ส่งผลให้การพัฒนาประเทศไม่เจริญเท่าที่ควร ดังนั้น หลังรัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตนและนายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะหารือร่วมกันว่าจะแก้ปัญหาการขาดแคลนครูวิทยาศาสตร์อย่างไร
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการเรียนวิทยาศาสตร์ค่อนข้างยาก และคนที่เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มักจะไม่อยากเป็นครูแต่จะไปทำงานด้านอื่นที่มีรายได้มากกว่า ดังนั้น เมื่อเราผลิตครูวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอก็คงต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยนำซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย ผลิตโดยผู้ที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ในการเรียนการสอน หากโรงเรียนใดมีปัญหาขาดแคลนครูก็ให้ครูที่เก่งๆ สอนผ่านอินเทอร์เน็ต ครูคนเดียวจะสามารถสอนได้เป็น 100 โรง ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดกับกระทรวงวิทย์อีกครั้ง นอกจากนี้ในอนาคตต้องวางแผนการผลิตครูเพื่อรองรับ เพราะมีครูเก่งๆ เกษียณอายุราชการ หรือเข้าร่วมโครงการเกษียณก่อนกำหนด ทำให้เราขาดแคลนครูที่มีความชำนาญในการเรียนการสอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศธ.จะมีแรงจูงใจให้นักเรียนเหรียญทองโอลิมปิกวิชาการมาเป็นนักวิจัย หรือครูอย่างไร รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ศธ.มีเด็กเก่งที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกวิชาการเป็นจำนวนมาก แต่การจูงใจให้มาเป็นนักวิจัยหรือเป็นครู เรื่องนี้ปัญหาเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของครู เพราะปัจจุบันเรื่องของเงินวิทยฐานะครู และบุคลากรทางการศึกษายังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขต่อไป นอกจากนี้ รายได้ของครูก็น้อยทำให้ครูมีปัญหาเรื่องหนี้สินที่หมักหมมมายาวนาน ซึ่งตนกำลังตรวจสอบและหาวิธีแก้ไขปัญหาให้กับครูอยู่
“ตอนนี้พอพบแนวทางแล้ว ส่วนจะมีการปรับเพิ่มเงินวิทยฐานะให้กับครูหรือไม่นั้น ยังไม่ขอเปิดเผย คงต้องรอหลังแถลงนโยบายต่อสภาฯเสร็จเรียบร้อยก่อน แต่ยืนยันว่าพบแนวทางที่จะทำให้ทุกคนมีความสุขได้ ครูจะมีเงินวิทยฐานะ มีเงินใช้หนี้สินต่างๆ” นายศรีเมือง กล่าว
ต่อข้อถามถึงแนวคิดที่จะเสนอให้ปรับฐานเงินเดือนครูใหม่เพื่อจูงใจคนดี คนเก่งเข้ามาเป็นครู นายศรีเมือง กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องปรับปรุงกันทั้งระบบ เพราะหากแก้ปัญหาอีกด้านหนึ่งแล้วไปเจอปัญหาอีกด้านหนึ่งคงไม่ได้ ครูเป็นข้าราชการเหมือนกระทรวงอื่นๆ ต้องมีวิธีแก้ไขที่เหมือนกัน แต่อะไรที่ไม่เท่าเทียมก็ต้องปรับปรุงให้เท่าเทียมกัน สำหรับเรื่องของการปฏิรูปการศึกษานั้น โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าอะไรที่จะต้องปรับปรุงเพื่อให้ดีขึ้นก็ต้องทำ ซึ่งอาจจะมีการทบทวนการปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้เป็นประโยชน์และมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุมกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย(คอท.) นำโดยนายเพิ่ม หลวงแก้ว ประธานสหภาพครูแห่งชาติ นายสนอง ทาหอม ประธานสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย(ส.ค.ท.)พร้อมตัวแทนครูทั่วประเทศกว่า 50 คน เข้าพบนายศรีเมือง เจริญศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเสนอนโยบายทางด้านการศึกษา
นายศรีเมือง กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องที่เสนอมาไปพิจารณา แต่หลายละเอียดหลายเรื่องต้องรอหลังแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ จะสามารถเปิดเผยได้ ซึ่งในส่วนของปัญหาโครงการเออร์ลี่รีไทร์นั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีสมัยเป็น รมว.ศธ.ได้ทำเรื่องนี้เสนอไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่ได้เสนอพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ดังนั้น หลังแถลงนโยบายของรัฐบาลแล้วอาจจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษในวันที่ 9 ตุลาคมตนจะนำเรื่องโครงการเออร์ลี่รีไทร์เสนอในที่ประชุม และคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ด้าน นายเพิ่ม กล่าวว่า เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทยได้ประชุมหารือกันแล้วมีมติให้เสนอ 9 นโยบายเร่งด่วนทางด้านการศึกษาให้นายศรีเมืองผลักดัน ได้แก่ 1.ให้มีการปฏิรูปการศึกษาโดยยึดการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ 2.ให้มีการจัดตั้งทบวงการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3.เร่งขยายการศึกษาภาคบังคับ 9 ปีอย่างทั่วถึง และครอบคลุม 4.ให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคลอย่างแท้จริง 5.จัดสรรงบประมาณอาหารกลางวันให้ครบ 100%.ให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ 6.เร่งรัดปรับปรุงกฎหมายที่คงค้างอยู่ให้เกิดความเป็นธรรมและรวดเร็ว 7.แก้ปัญหาข้าราชการครูที่ขอเลื่อนวิทยฐานะที่ไม่ผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ ก.ค.ศ.กำหนดโดยให้มีเยียวยาอย่างเร่งด่วน และควรมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมิน ซึ่งไม่ควรยึดการทำผลงานทางวิชาการแม้ว่าสำนักงาน ก.ค.ศ.จะได้ปรับเกณฑ์ใหม่ที่จะใช้เร็วๆนี้ ก็ยังมีเรื่องของการทำผลงานทางวิชาการ ซึ่งจะทำให้ครูไม่ถนัดทำผลงานและอาจไม่ผ่านการประเมิน 8.แก้ไขปัญหาข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาที่ขอเข้าโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดหรือเออร์ลี่รีไทร์ปีงบประมาณ 2551 ที่ยังมีครู จำนวน 3,077 คนคงค้างอยู่ และ 9.ปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2550
นายเพิ่ม กล่าวด้วยว่า นายศรีเมืองรับที่จะนำทั้ง 9 ประเด็นไปพิจารณา ซึ่งจากการรับฟังนายศรีเมืองมีความเข้าใจในปัญหาที่เสนอ เพียงแต่ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก ดังนั้น ทาง คอท.จะกลับไปประชุมเพื่อจัดทำรายละเอียดของทุกประเด็นมาเสนออีกครั้งในราวกลางเดือนตุลาคมนี้