xs
xsm
sm
md
lg

ฝรั่งโวยถูกเบี้ยวซื้อคอนโดฯ “ภัทรประสิทธิ์” บี้ รมช.คลัง “ประดิษฐ์” จัดการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเดวิท แฟรงค์ เฮนส์ วิศวกรชาวอังกฤษ วัย 64 ปี ขณะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ชาวต่างชาติสงสารคนไทยได้ “ประดิษฐ์” เป็น รมช. คลัง แฉ“ตระกูลภัทรประสิทธิ์” ขายโครงการเรือยอชต์พร้อมคอนโดหรู 1.4 พันล้าน รับทรัพย์แล้ว 30% แต่ไม่สร้าง อ้างเศรษฐกิจตกต่ำ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จี้ “ประดิษฐ์” แสดงสปิริตเคลียร์หนี้เก่าก่อนทำหน้าที่กระเป๋าเงินประเทศ

วันนี้ (25 ก.ย.) ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นายเดวิท แฟรงค์ เฮนส์ วิศวกรชาวอังกฤษ วัย 64 ปี กล่าวว่า รู้สึกสงสารคนไทยที่มีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา มาดำรงตำแหน่ง รมช.คลัง เนื่องจากเชื่อว่า นายประดิษฐ์ ไม่มีความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาการเงินการคลังของประเทศไทยได้ เพราะแม้แต่การทำธุรกิจของตระกูลภัทรประสิทธิ์ ติดหนี้ลูกค้าเกือบ 50 ล้านบาท เมื่อ 12 ปีก่อน ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย หาก นายประดิษฐ์ อยากพิสูจน์ฝีมือว่าเหมาะสมกับ รมช.คลัง ที่ได้รับมา ก็ช่วยหาวิธีให้ครอบครัวของตัวเองมีความรับผิดชอบคืนเงินพร้อมลูกค้าคนอื่นๆ โดยเร็ว

นายเดวิท กล่าวว่า เมื่อปี 2539 ได้พาภรรยามาพักฟื้นร่างกายที่ จ.ภูเก็ต เพราะชอบในบรรยากาศที่สวยงาม และคนไทยที่จิตใจดี จึงตัดสินใจจะมาลงหลักปักฐานที่เมืองไทยและทราบว่า มีโครงการเดอะ ยอชต์ เฮฟเว่น ภูเก็ต เป็นหนึ่งในโครงการของเครือภัทรประสิทธิ์โฮลดิ้ง ที่มีนายประสงค์ ภัทรประสิทธิ์และนางนงลักษณ์ ภัทรประสิทธิ์ น้องชายและมารดาของ นายประดิษฐ์ เป็นผู้ดูแลอยู่ โดยสร้างคอนโดมิเนียม พร้อมกับมีการสร้างท่าเทียบเรือยอชต์และเรือสำราญขนาดจอดได้ 300 ลำ พร้อมคอนโดมิเนียมหรูและอาคารสโมสร บนพื้นที่ริ่มทะเลกว่า 500 ไร่ บริเวณอ่าวแหลมพร้าวจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2541 ราคาประมาณ 4-13 ล้านบาท

“เมื่อปรึกษากับเพื่อนคนไทย เพื่อนบอกว่า ตระกูลภัทรประสิทธิ์ เป็นเครือธุรกิจอันดับต้นๆ ของประเทศไทย สัมพันธ์โดยตรงกับนักการเมืองใหญ่ของประเทศ คือ นายประดิษฐ์ และโครงการลงทุนกว่า 1.4 พันล้านบาท เจ้าของน่าเชื่อถือ แถมยังมีการโฆษณาโครงการที่ประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกงอย่างน่าเชื่อถืออีกจึงตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมราคา 4.12 ล้านบาท หลังทำสัญญาวางเงินดาวน์ 10% ประมาณ 1.24 ล้านบาท และชำระอีก 20% ประมาณ 2.48 ล้านบาท แบ่งจ่ายเป็น 6 งวดทุกสามเดือน ส่วนที่เหลืออีก 70% ชำระเมื่อสร้างและโอนเสร็จ” นายเดวิท กล่าว

นายเดวิท กล่าวต่อว่า หลังจากโอนเงินไปครบรวม 3.72 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2540 แต่จนถึงปี 2541 ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการก่อสร้างใดๆ เท่าที่ทราบมีผู้จ่ายเงินไปแล้วเกือบ 40 กว่าคน แต่มีบางส่วนที่ถอนตัวในการขอเงินคืนไป เนื่องจากไม่อยากเสียเวลาและเงินในการฟ้องร้อง แต่ที่มีเหลือเป็นกลุ่มต่อสู้ฟ้องร้องกันมีประมาณ 25 คน มูลค่าในขณะนั้นประมาณ 50 ล้านบาท แต่เมื่อ มี.ค.ปี 2546 ได้รับจดหมายจากโครงการว่าประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำไม่สามารถดำเนินโครงการได้และไม่พูดถึงเรื่องการคืนเงินให้ลูกค้า ทั้งที่ในสัญญาระบุว่าหากโครงการผิดสัญญาจะคืนเงินให้พร้อมดอกเบี้ยอีก 8% แต่จนวันนี้ก็ยังมาไม่ได้เงินคืนเลย
“มีเพียงรายเดียวที่ได้รับเงินคืน เนื่องจากคนนั้นเป็นหม่อมราชวงศ์ที่สนิทกับครอบครัวของภัทรประสิทธิ์ ส่วนผู้ซื้อรายอื่นก็ไม่มีใครได้รับเงินคืนเลย สุดท้ายจึงตัดสินใจฟ้องคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับ นางนงลักษณ์ และ นายประสงค์ แต่ในปี 2548 ศาลยกฟ้อง เพราะหลักฐานไม่พอซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ยืนยันเช่นกันว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฉ้อโกง แต่ นายประดิษฐ์ ได้ฟ้องกลับผมในฐานะฟ้องเท็จ เมื่อศาลรับฟ้อง แต่นายประดิษฐ์ก็ถอนฟ้องไป ต่อมากลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมโครงการนี้ได้รวมกลุ่มกัน 25 คน เพื่อฟ้องร้องคดีแพ่ง เพื่อเรียกร้องเงินคืน ซึ่งในช่วงต้นเดือน ต.ค.ศาลแพ่งจังหวัดภูเก็ตนัดฟังคำพิพากษานี้” นายเดวิท กล่าว

นายเดวิท กล่าวอีกว่า ไม่ใช่ตนเองเท่านั้นที่ได้รับความเสียหายจากโครงการนี้ โดยมูลค่าที่ครอบครัวภัทรประสิทธิ์ได้เงินจากทุกคนไปกว่า 50 ล้านบาท ในปี 2539 ซึ่งถ้าดอกเบี้ยธนาคารประมาณ 8% ต่อปี จนถึงขณะนี้คงเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาทแล้ว อีกทั้งโครงการดังกล่าวยังมีการโฆษณาในเว็บไซต์ขาย หลังจากที่ปิดโครงการไปในช่วงนั้น แต่เปลี่ยนที่อยู่จดทะเบียนย้ายไปที่เชียงใหม่ ขณะที่เว็บไซต์www.yacht-haven-phuket.typepad.com/weblog/ ที่เป็นเว็บของผู้เสียหายที่รวมตัวกันให้ข้อมูลการต่อสู้มาทั้งหมด กลับโดนกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสารเคยถูกโดนปิด และระบุว่า เป็นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมด้วย

ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ผู้บริโภคลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของตนเอง และยังโดนกระทำเช่นนี้ ล่าสุด ยังถูกข่มขู่จากทนายความของครอบครัวภัทรประสิทธิ์ ว่า หากไม่ยุติเรื่องจะฟ้องทางอาญาอีกครั้ง ทั้งนี้ ในช่วงที่นายเดวิทถูกฟ้องกลับครั้งก่อนนั้น ศาลจังหวัดภูเก็ตยังมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ถูกยึดหนังสือเดินทางและต้องขออนุญาตจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก่อนทุกครั้ง ซึ่งเสมือนกับนายเดวิทเป็นอาชญากรร้ายแรง ทั้งที่เป็นเพียงผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของตนเองเท่านั้น

“เป็นเรื่องน่าเศร้ามากๆ ที่ชาวต่างชาติคนหนึ่งต้องการซื้อบ้านอยู่ในเมืองไทย หลังเกษียณจะต้องมาถูกฟ้องร้องโดยคนตระกูลภัทรประสิทธิ์ที่ไม่ยอมคืนเงินให้กับลูกค้า เราอยากเห็นมาตรฐานและจริยธรรมของคนที่เป็น รมต.ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคที่ไม่ให้ชาวต่างชาติมาตราหน้าได้ ดังนั้น นายประดิษฐ์ ที่ดูแลกระทรวงการคลังต้องพิสูจน์ตัวเองให้ผู้บริโภคเห็นว่ามีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา เพราะก่อนที่จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะมากู้ธุรกิจครอบครัว รวมถึงสานต่อโครงการนี้ด้วย” น.ส.สารี กล่าว

น.ส.สารี กล่าวว่า ในการแสดงบัญชีทรัพย์สินครั้งก่อน นายประดิษฐ์ ก็ติดอันดับว่าเป็นผู้ร่ำรวยที่สุดในรัฐบาล ดังนั้น เงินลูกค้าไม่ถึง 50 ล้าน รวมกับดอกเบี้ย 8% ก็น่าจะสามารถคืนเงินได้อยู่แล้ว โดยเร็วๆ นี้ ทางมูลนิธิจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ นายประดิษฐ์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อให้แสดงสปิริตความรับผิดชอบเยียวยาให้ผู้เสียหาย โดยคืนเงินให้กับลูกค้าทุกคน
กำลังโหลดความคิดเห็น