xs
xsm
sm
md
lg

ผ่ากึ๋น “อภิรักษ์-ดร.แดน” กับนโยบายด้านการศึกษา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อภิรักษ์” ชู นโยบายด้านการศึกษาเด็ก กทม.ทุกคนต้องเรียนดี เรียนฟรี มีคุณภาพ-คุณธรรม ตั้ง Excellence Center เพิ่มทักษะครู พร้อมกำหนดพื้นที่ School Zone ติดกล้องวงจรปิดเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักเรียน เสนอตั้งเวลาเปิด-ปิดร้านเกม-ตรวจสอบเกมคุณภาพ ขณะที่ “เกรียงศักดิ์” ชู ส่งสายสืบเยาวชนสอดแนมร้านเกม ส่วนนโยบายการศึกษาเตรียมยกระดับโรงเรียน กทม.ทุกแห่งเทียบชั้นสาธิต ตั้งมหาวิทยาลัยท้องถิ่น กทม.ผุด T Zone for Teen ให้เด็กแสดงออก
อภิรักษ์ โกษะโยธิน
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 5 เปิดเผยถึงนโยบายด้านเด็กและการศึกษา ว่า ตนมีนโยบายที่จะให้เด็กนักเรียนในสังกัดโรงเรียน กทม.ทั้ง 435 แห่ง ได้รับการเรียนการสอนที่มีคุณภาพมาตรฐานตามนโยบายเรียนดี เรียนฟรี มีคุณภาพ และมีคุณธรรมโดยตนจะส่งเสริมให้วัดทุกแห่งใน กทม.เป็นโรงเรียนสอนพุทธศาสนาทุกวันอาทิตย์ เพื่อเป็นเกราะป้องกันเด็กติดยาเสพติด ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ส่งเสริมความอบอุ่นในครอบครัวเพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้แต่ละครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกันที่วัด

นอกจากนี้ ในส่วนของโรงเรียนสองภาษาที่ได้เปิดนำร่องแล้ว 5 แห่งตนก็จะจัดทำโครงการแลกเปลี่ยนอาจารย์จากต่างประเทศเข้ามาสอน ตลอดจนจะฝึกอบรมครู กทม.ให้มีทักษะภาษาอังกฤษดียิ่งขึ้นโดยตนจะร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และภาคเอกชนจัดตั้ง Excellence Center ให้เป็นศูนย์สำหรับฝึกอบรมพัฒนาครูโดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ ตณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ รวมทั้งจะมีการให้ทุนครูไปศึกษาเพิ่มเติมที่ต่างประเทศด้วย นอกจากนี้จะได้ประสานไปยังสถานเอกอัครทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย จัดส่งบุคลากรมาทำการสอนภาษาจีนให้กับโรงเรียนกทม.ทุกแห่ง ตลอดจนส่งเสริมโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนกับบ้านพี่เมืองน้องโดยจัดทุน Bangkok Summer Camp ให้ไปทัศนศึกษาต่างประเทศในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนซึ่งเด็กที่พูดภาษาอังกฤษได้ก็จะไปประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษแต่หากพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีก็จะไปไปเมืองฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น หรือหากเก่งภาษาจีนก็จะไปไปกรุงปักกิ่ง เป็นต้น รวมถึงจัดทำโครงการโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ โดยจะนำร่องในเขตประเวศ

นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนจะส่งเสริมให้เด็กหันมาสนใจเล่นกีฬามากขึ้นโดยสามารถไปได้ที่ที่ศูนย์เยาวชน กทม.และวันนี้กทม.มีหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครแล้วดังนั้นจะเปิดโอกาสให้เด็ก และเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมทั้งด้านดนตรี ศิลปะ ขณะเดียวกันจะเปิดโอกาสให้ตัวแทนเยาวชนจากสภาเยาวชนกทม.เสนอนโยบายในการทำงานร่วมกับคณะผู้บริหาร กทม.รวมถึงจะจัดตั้งโครงการกรุงเทพฯอาสา เพื่อให้เด็ก นักเรียน นักศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล กทม.คล้ายกับการออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทแต่นี่จะเป็นการออกค่ายพัฒนาเมืองหลวงของเราโดยที่ผู้ปกครองไม่ต้องเป็นห่วงเหมือนที่ออกต่างจังหวัดและที่สำคัญเป็นการฝึกไม่ให้เด็กมุ่งแต่วัตถุนิยมอย่างเดียว ในส่วนของการส่งเสริมให้เด็กกทม.รักการอ่านนั้นตนจะขยายห้องสมุดขนาดเล็กได้แก่บ้านหนังสือไปตามชุมชนต่างๆให้มากขึ้น รวมถึงจะสร้างห้องสมุดแห่งการเรียนรู้ที่มีความทันสมัย เชื่อมต่อ WiFi ได้

นายอภิรักษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการดูแลความปลอดภัยให้กับเด็กจะกำหนดพื้นที่ School Zone โดยจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัย ให้การอำนวยความสะดวกแก่ผู้ปกครองโดยได้เริ่มหารือกับห้างสรรพสินค้าขอให้ผู้ปกครองนำรถไปจอดเพื่อส่งบุตรหลานในช่วงเช้าระหว่างที่ห้างยังไม่เปิด และมีรถโรงเรียนบริการไปรับส่งเด็กซึ่งช่วงแรกเน้นในจุดที่มีปัญหาเรื่องการจราจร เช่น สุขุมวิท สีลม สาทร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การให้บริการดังกล่าวจะครอบคลุมกับโรงเรียนทุกสังกัด เชื่อว่าวิธีการนี้จะช่วยลดอุบัติเหตุได้
 
ส่วนการแก้ไขปัญหาเด็กติดเกมส์นั้นทุกๆ ฝ่ายจะต้องทำไปพร้อมๆกัน เช่น การส่งเสริมให้เด็กเล่นกีฬาเพราะเมื่อเด็กหันมาเล่นกีฬามากขึ้นเวลาที่จะเล่นเกมส์ก็ลดลง นอกจากนี้ จะต้องมีการกำหนดช่วงเวลาเปิด-ปิด ร้านเกม รวมถึงมีการตรวจสอบประเภทของเกมส์เพื่อไม่เป็นการยั่วยุ และส่งเสริมความรุนแรงให้แก่เด็ก


“ผมคิดว่านโยบายด้านการศึกษาของผมจะมีความแตกต่างจากคนอื่นอย่างชัดเจนเพราะผมมุ่งหวังที่จะให้เด็กและเยาวชนของกทม.มีคุณธรรม และมีจิตอาสา ถ้าจะทำอะไรให้สำเร็จต้องไม่ทำคนเดียวต้องมีการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนเข้าด้วยกันทั้งสพฐ เอกชน และ กทม.” นายอภิรักษ์ กล่าว
ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
ด้าน ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 2 กล่าวว่า สำหรับนโยบายด้านเด็กและการศึกษาของตนนั้น ตนจะพัฒนาโรงเรียนในสังกัดกทม.เป็นโรงเรียนสองภาษาทั้ง 50 เขต โดยมีคุณภาพเทียบเท่าโรงเรียนสาธิต มีเกณฑ์ชี้วัด และจะส่งเสริมให้เด็กได้เรียนภาษาที่สามอย่างภาษาจีน และอื่นๆที่จำเป็น นอกจากนี้จะจัดตั้งมหาวิทยาลัยท้องถิ่น กทม.ซึ่งจะเปิดสอนเกี่ยวกับการจัดการเมืองใหญ่โดยเฉพาะ เช่น ด้านการบริหารเมืองใหญ่ วิศวกรสำหรับเมืองใหญ่ โดยผู้ที่เข้ามาศึกษาต่อที่นี่จะไม่เสียค่าเล่าเรียนแต่จะต้องทำสัญญากับ กทม.เพราะเมื่อเรียนจบแล้วจะต้องเข้ามาแก้ปัญหาและพัฒนากทม.ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชนในพื้นที่ รวมถึงทำวิจัยเมืองใหญ่เพื่อให้รู้ความจริงทุกแง่มุม เนื่องจากกทม.เป็นเมืองใหญ่มีประชากรอาศัยอยู่กว่า 13 ล้านคน ซึ่งทั่วโลกมีเมืองใหญ่แค่ 21 เมืองที่มีประชากรอาศัยเกิน 10 ล้านคนจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาต้นแบบเพื่อนำมาพัฒนากทม.ดังนั้นการบริหารจัดการจึงต้องมีคลังสมองโดยเริ่มตั้งแต่เด็กที่จะต้องมีพื้นที่สำหรับพัฒนาตนเองซึ่งเรียกว่า T Zone for Teen โซนกีฬา ดนตรี ศิลปะ และกิจกรรมเพื่อวัยรุ่น ตามสวนสาธารณะ สวนหย่อม และห้างสรรพสินค้า เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กแสดงออก พัฒนาตนเองในด้านต่างๆ

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนมีนโยบายที่จะสร้างศูนย์นันทนาการครบวงจร ทั่ว กทม.โดยในศูนย์จะมีสระว่ายน้ำ สนามฟุตบอล สนามบาสเก็ตบอล เกมคอมพิวเตอร์แบบสร้างสรรค์ มีเครื่องดนตรีให้เล่น รวมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถใช้เวลาร่วมกันได้ทั้งครอบครัว โดยมีครูฝึกสอนแนะนำประจำศูนย์ นอกจากนี้ตนจะผลักดันนโยบาย เวลาว่างสร้างพรสวรรค์เพื่อส่งเสริมเยาวชนใช้เวลาหลังเลิกเรียน วันเสาร์-อาทิตย์ และในช่วงปิดเทอม พัฒนาศักยภาพในด้านที่ตนเองโดดเด่น ด้วยการเรียนรู้และทำกิจกรรมนอกห้องเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายซึ่งกทม.จะจัดสรรงบประมาณให้ รวมถึงจะสร้างสวนสมองคนเมือง ( Brain Bank Park ) พัฒนาให้มีแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย และกระจายในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ เช่น เด็กๆ สามารถเรียนรู้ต้นไม้ในวรรณคดี มีพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ โดยจะเปิดสวนในช่วงกลางคืน

พร้อมกันนี้จะจัดตั้งโรงเรียนครอบครัว (Family School) เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน โดยการจัดทำหลักสูตรครอบครัวศึกษาเพื่อประชาชน เนื้อหาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข การจัดการปัญหาภายในครอบครัว การเลี้ยงดูบุตรหลานให้เติบโตอย่างครบถ้วนในทุกมิติ และการเรียนรู้เรื่องอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ฯลฯ ตลอดจนจัดทำโครงการเนอร์สเซอรี่สองวัยในสถานประกอบการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาเด็กติดเกม จะเข้าไปดูว่าร้านเกมแต่ละร้านมีคุณภาพ และเกมที่นำมาเล่นในร้านมีความสร้างสรรค์หรือไม่ โดยจะรณรงค์ให้มีร้านเกมสีขาว นอกจากนี้ จะจัดให้มีนักสืบเยาวชนคอยปลอมตัวไปอยู่ตามร้านเกม เพื่อคอยสอดแนมความปลอดภัยให้กับเด็กที่เล่น รวมถึงสังเกตผู้ประกอบการว่ามีการกระทำผิดหรือไม่ถ้าพบเห็นให้แจ้งสถานีตำรวจในพื้นที่ทันที

“ผมเชื่อว่า แนวนโยบายต่างๆจะเกิดขึ้นได้ไม่ยากเพราะหากเรามีความมุ่งมั่น มีวิสัยทัศน์ มีการบริหารจัดการที่ดี รวมถึงการมีส่วนร่วมทุกอย่างก็จะสำเร็จ แม้จะมีอุปสรรคแต่ถ้าเราทุ่มเทเต็มที่ทุกอย่างก็จะเกิดได้” ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น