ปลัด กทม.ย้ำข้าราชการ กทม.ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองวิกฤตด้วยจิตวิญญาณข้าราชการมืออาชีพ เพื่อประโยชน์ของประชาชน พร้อมสั่งการให้เตรียมพร้อมรับมือพายุฝน-ย้ายหน่วยเลือกตั้ง
ในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยมีนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม.เป็นประธานการประชุม ซึ่งได้มีการหารือถึงการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนองในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่ง นายชาญชัย วิทูรปัญญากิจ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) รายงานว่า ในช่วงเดือน ก.ย.เป็นเดือนนี้มีฝนตกสูงสุดในรอบปี ซึ่งในปีนี้สภาพอากาศมีร่องความกดอากาศต่ำ กำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีฝนตกในภาคเหนือและภาคกลางตอนบน และในพื้นที่ กทม.จะมีฝนตกประมาณร้อยละ 40 ส่วนใหญ่ในช่วงบ่ายและค่ำ ซึ่ง สนน.จะประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างใกล้ชิดกับกรมอุตุนิยมวิทยาเพื่อเตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขหากเกิดปัญหาฝนตกน้ำท่วมขึ้น
สำหรับน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนนั้นในปีนี้ น้ำในเขื่อนภูมิพลน้อยกว่าปีที่ผ่านมา คาดว่า ถึงสิ้นปีจะมีปริมาณน้ำกักเก็บ 80% ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำอยู่ในระดับปกติ คาดว่า จะเก็บน้ำในเขื่อน 98% ซึ่งการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนที่จะมาถึงเขื่อนเจ้าพระยาและแม่น้ำเจ้าพระยาไม่น่าจะมีปัญหาน้ำล้นเขื่อน เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณต่ำกว่าปกติเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก เช่น เขตหนองจอก คลองสามวา ลาดกระบัง มีนบุรี ไม่น่าจะมีปัญหาน้ำทะลักเข้าทุ่ง
นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวว่า ดังนั้นในวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.5 ต.ค.2551 ปัญหาที่น่าเป็นห่วงจะเป็นเรื่องของการเฝ้าระวังพายุฝนฟ้าคะนองตามฤดูกาล ที่ทุกพื้นที่จะต้องสำรองอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม รวมถึงเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ หากเกิดเหตุพายุฝนเข้ามา ด้านผู้บริหารและผู้อำนวยการเขตต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เป็นไปได้ในหน่วยเลือกตั้งให้ลดจำนวนเต็นท์เปลี่ยนเป็นตั้งหน่วยในอาคารแทน ป้ายติดตามหน่วยจะต้องมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันความเสียหายหากมีลมกรรโชก ทั้งนี้ การเตรียมพร้อมให้รวมไปถึงพื้นที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่อาจจะมีน้ำท่วมขังได้
นอกจากนี้ นายพงศ์ศักติฐ์ ได้กล่าวเน้นย้ำถึงภารกิจของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ กทม.ในภาวะวิกฤต เหตุการณ์หรือสถานการณ์ไม่ปกติในช่วงนี้ ว่า เป็นโอกาสที่ข้าราชการเจ้าหน้าที่ กทม.จะแสดงจิตวิญญาณความเป็นข้าราชการมืออาชีพ สำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบ ตั้งใจ เต็มใจทำงาน เพื่อให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในกระบวนการทำงานว่าจะได้รับการเอาใจใส่แก้ไขปัญหา หรือการให้บริการเรื่องต่างๆ ด้วยมาตรฐานความเป็นข้าราชการที่มีศักยภาพ สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ตลอดเวลา
ในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยมีนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม.เป็นประธานการประชุม ซึ่งได้มีการหารือถึงการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนองในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่ง นายชาญชัย วิทูรปัญญากิจ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) รายงานว่า ในช่วงเดือน ก.ย.เป็นเดือนนี้มีฝนตกสูงสุดในรอบปี ซึ่งในปีนี้สภาพอากาศมีร่องความกดอากาศต่ำ กำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีฝนตกในภาคเหนือและภาคกลางตอนบน และในพื้นที่ กทม.จะมีฝนตกประมาณร้อยละ 40 ส่วนใหญ่ในช่วงบ่ายและค่ำ ซึ่ง สนน.จะประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างใกล้ชิดกับกรมอุตุนิยมวิทยาเพื่อเตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขหากเกิดปัญหาฝนตกน้ำท่วมขึ้น
สำหรับน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนนั้นในปีนี้ น้ำในเขื่อนภูมิพลน้อยกว่าปีที่ผ่านมา คาดว่า ถึงสิ้นปีจะมีปริมาณน้ำกักเก็บ 80% ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำอยู่ในระดับปกติ คาดว่า จะเก็บน้ำในเขื่อน 98% ซึ่งการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนที่จะมาถึงเขื่อนเจ้าพระยาและแม่น้ำเจ้าพระยาไม่น่าจะมีปัญหาน้ำล้นเขื่อน เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณต่ำกว่าปกติเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก เช่น เขตหนองจอก คลองสามวา ลาดกระบัง มีนบุรี ไม่น่าจะมีปัญหาน้ำทะลักเข้าทุ่ง
นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวว่า ดังนั้นในวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.5 ต.ค.2551 ปัญหาที่น่าเป็นห่วงจะเป็นเรื่องของการเฝ้าระวังพายุฝนฟ้าคะนองตามฤดูกาล ที่ทุกพื้นที่จะต้องสำรองอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม รวมถึงเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ หากเกิดเหตุพายุฝนเข้ามา ด้านผู้บริหารและผู้อำนวยการเขตต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เป็นไปได้ในหน่วยเลือกตั้งให้ลดจำนวนเต็นท์เปลี่ยนเป็นตั้งหน่วยในอาคารแทน ป้ายติดตามหน่วยจะต้องมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันความเสียหายหากมีลมกรรโชก ทั้งนี้ การเตรียมพร้อมให้รวมไปถึงพื้นที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่อาจจะมีน้ำท่วมขังได้
นอกจากนี้ นายพงศ์ศักติฐ์ ได้กล่าวเน้นย้ำถึงภารกิจของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ กทม.ในภาวะวิกฤต เหตุการณ์หรือสถานการณ์ไม่ปกติในช่วงนี้ ว่า เป็นโอกาสที่ข้าราชการเจ้าหน้าที่ กทม.จะแสดงจิตวิญญาณความเป็นข้าราชการมืออาชีพ สำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบ ตั้งใจ เต็มใจทำงาน เพื่อให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในกระบวนการทำงานว่าจะได้รับการเอาใจใส่แก้ไขปัญหา หรือการให้บริการเรื่องต่างๆ ด้วยมาตรฐานความเป็นข้าราชการที่มีศักยภาพ สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ตลอดเวลา