เกย์การเมือง ยื่นหนังสือ จี้ "ชวรัตน์" เข้มหมอเถื่อนยังลอบตัดไข่เกลื่อนเมือง แถมได้รับความสนใจในหมู่วัยรุ่นตุ๊ดเพียบ วอนให้ความรู้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะนางโชว์ กะเทยเด็ก เชื่อสามารถเปลี่ยนความคิดได้
วันที่ 6 ส.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย กล่าวภายหลังการยื่นหนังสือเรื่องเตือนอันตรายกฎหมายตัดอัณฑะ กับ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีมติไม่ให้มีการตัดอัณฑะ ซึ่งได้มีแพทย์ของสมาชิกของแพทยสภาจำนวนหนึ่งได้ปฏิบัติต่อลูกค้า ซึ่งเป็นบุคคลหลากหลายทางเพศมาเป็นเวลาเกือบ 5 ปี เป็นสิ่งที่เป็นความผิดฐานทำร้ายร่ากายผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งผู้กระทำดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทำให้ความต้องการในการตัดอัณฑะยิ่งเพิ่มขึ้น และผู้ที่ยังต้องการตัด อัณฑะ ยินดีจะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อตัดอัณฑะ ซึ่งอาจทำให้แพทย์ หรือพยาบาล บางคน อาศัยเป็นช่องทางลักลอบให้บริการได้
“ทางออกในเรื่องนี้ อยากให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งให้ความรู้อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง และต้องการให้ภาครัฐเฝ้าระวังการฝ่าฝืนการตัดอัณฑะของแพทย์บางราย รวมถึงหมอเถื่อน เพราะการตัดอัณฑะไม่ได้ใช้เทคนิคซับซ้อนมาก และยังต้องการให้รัฐสนับสนุนแนวคิด เรื่องกะเทย คือ กะเทย ที่ไม่มีทางจะเป็นผู้หญิงได้ แม้จะผ่าตัดก็แปลงเพศแล้วก็ตาม ดังนั้นแนวทางที่ควรเป็นคือ กะเทยควรภูมิใจในตนเอง” นายนที กล่าว
นายนที กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีความกังวลในเรื่องการลักลอบตัดอัณฑะมาก เพราะมีความต้องการตัดอัณฑะสูง เนื่องจากเยาวชนและเพศทางเลือกหลายคน ยังไม่มีความรู้ว่า การตัดอัณฑะแล้วจะมีผลกระทบอย่างไรบ้างต่อสุขภาพ แต่มีความเชื่อแค่ว่า การตัดอัณฑะจะทำให้มีผิวสวยเหมือนผู้หญิง ทั้งที่ความจริงแล้ว สามารถรับประทานฮอร์โมนเพศหญิงให้มีผลใกล้เคียงกันได้ และมีผลกระทบที่น้อยกว่าการตัดอัณฑะ ที่จะทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น แก่เร็ว ศรีษะล้าน กระดูกพรุน อ้วน ความดันโลหิตสูง เป็นโรคซึมเศร้า เข้าสู่วัยทองเร็วกว่าปกติ เชื่อว่า หากมีการให้ข้อมูลอย่างทั่วถึงและถูกต้องจะช่วยให้คนที่กำลังตัดสินใจ เปลี่ยนความคิดได้
“ขณะนี้มีสถานที่หลายแห่งที่ภาครัฐสามารถเข้าไปทำความเข้าใจกับคนเพศที่ 3 ได้ เช่น กะเทยที่ทำงานเป็นนางโชว์ในสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะมีคนเหล่านี้เป็นจำนวนมาก หรือ มหาวิทยาลัย และสถานศึกษาบางแห่ง ที่เปิดพื้นที่ให้กับเพศที่ 3 จำนวนมาก ควรจะต้องเข้าไปทำความเข้าใจหรือถึงขั้นออกกฎว่า ห้ามตัดอัณฑะ ซึ่งเชื่อว่าหากมีการให้ความรู้ที่ถูกต้องแล้ว จะสามารถเปลี่ยนความคิดได้อย่างแน่นอน”นายนที กล่าว
วันที่ 6 ส.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย กล่าวภายหลังการยื่นหนังสือเรื่องเตือนอันตรายกฎหมายตัดอัณฑะ กับ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีมติไม่ให้มีการตัดอัณฑะ ซึ่งได้มีแพทย์ของสมาชิกของแพทยสภาจำนวนหนึ่งได้ปฏิบัติต่อลูกค้า ซึ่งเป็นบุคคลหลากหลายทางเพศมาเป็นเวลาเกือบ 5 ปี เป็นสิ่งที่เป็นความผิดฐานทำร้ายร่ากายผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งผู้กระทำดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทำให้ความต้องการในการตัดอัณฑะยิ่งเพิ่มขึ้น และผู้ที่ยังต้องการตัด อัณฑะ ยินดีจะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อตัดอัณฑะ ซึ่งอาจทำให้แพทย์ หรือพยาบาล บางคน อาศัยเป็นช่องทางลักลอบให้บริการได้
“ทางออกในเรื่องนี้ อยากให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งให้ความรู้อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง และต้องการให้ภาครัฐเฝ้าระวังการฝ่าฝืนการตัดอัณฑะของแพทย์บางราย รวมถึงหมอเถื่อน เพราะการตัดอัณฑะไม่ได้ใช้เทคนิคซับซ้อนมาก และยังต้องการให้รัฐสนับสนุนแนวคิด เรื่องกะเทย คือ กะเทย ที่ไม่มีทางจะเป็นผู้หญิงได้ แม้จะผ่าตัดก็แปลงเพศแล้วก็ตาม ดังนั้นแนวทางที่ควรเป็นคือ กะเทยควรภูมิใจในตนเอง” นายนที กล่าว
นายนที กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีความกังวลในเรื่องการลักลอบตัดอัณฑะมาก เพราะมีความต้องการตัดอัณฑะสูง เนื่องจากเยาวชนและเพศทางเลือกหลายคน ยังไม่มีความรู้ว่า การตัดอัณฑะแล้วจะมีผลกระทบอย่างไรบ้างต่อสุขภาพ แต่มีความเชื่อแค่ว่า การตัดอัณฑะจะทำให้มีผิวสวยเหมือนผู้หญิง ทั้งที่ความจริงแล้ว สามารถรับประทานฮอร์โมนเพศหญิงให้มีผลใกล้เคียงกันได้ และมีผลกระทบที่น้อยกว่าการตัดอัณฑะ ที่จะทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น แก่เร็ว ศรีษะล้าน กระดูกพรุน อ้วน ความดันโลหิตสูง เป็นโรคซึมเศร้า เข้าสู่วัยทองเร็วกว่าปกติ เชื่อว่า หากมีการให้ข้อมูลอย่างทั่วถึงและถูกต้องจะช่วยให้คนที่กำลังตัดสินใจ เปลี่ยนความคิดได้
“ขณะนี้มีสถานที่หลายแห่งที่ภาครัฐสามารถเข้าไปทำความเข้าใจกับคนเพศที่ 3 ได้ เช่น กะเทยที่ทำงานเป็นนางโชว์ในสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะมีคนเหล่านี้เป็นจำนวนมาก หรือ มหาวิทยาลัย และสถานศึกษาบางแห่ง ที่เปิดพื้นที่ให้กับเพศที่ 3 จำนวนมาก ควรจะต้องเข้าไปทำความเข้าใจหรือถึงขั้นออกกฎว่า ห้ามตัดอัณฑะ ซึ่งเชื่อว่าหากมีการให้ความรู้ที่ถูกต้องแล้ว จะสามารถเปลี่ยนความคิดได้อย่างแน่นอน”นายนที กล่าว
