เอ็นจีโอ ไม่เอา “ไชยา” มั่นใจ 2 หมื่นรายชื่อถอดถอนยังมีผลอยู่ ลุ้น ป.ป.ช.ชี้มูลตัดสิทธิ์เล่นการเมือง 5 ปี แม้ย้ายเก้าอี้เป็น รมว.พณ.แล้ว
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้นายไชยา สะสมทรัพย์ จะได้ดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ (พณ.) แต่การดำเนินการถอดถอน นายไชยา เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็คงดำเนินต่อไป เนื่องจากขณะนี้รายชื่อประชาชนกว่า 2 หมื่นรายชื่อ ที่เคยยื่นผ่านวุฒิสภา ขณะนี้ได้ส่งเรื่องเพื่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาแล้ว
“จากการหารือกับ ป.ป.ช.บางท่านแสดงความคิดเห็นว่า หาก ป.ป.ช.มีมติว่า เรื่องที่ นายไชยา ขาดการเป็นคุณสมบัติ รมว.สธ.นั้นมีมูล จะส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งเป็น รมว.พณ.ในปัจจุบัน เนื่องจากมีบทลงโทษ ว่า นอกจากการถูกถอดถอนจากตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ยังห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก 5 ปีด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ จากการประกาศทบทวนการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร(ซีแอล) ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป”น.ส.สารี กล่าว
น.ส.สารี กล่าวต่อว่า ในส่วนของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.สธ.คนใหม่ที่จะมาดำรงตำแหน่ง รวมถึงข้าราชการ สธ.ทั้งหมดจำเป็นต้องรับบทหนักมากขึ้น ในการดำเนินการเพื่อให้เกิดการเข้าถึงยาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งภาคประชาชนจะเฝ้าจับตาการทำงานต่อไป รวมถึงกรณีที่ นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจมีเรื่องการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา หรือการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-สหรัฐฯ ซึ่ง สธ.ต้องทำหน้าที่ของตนเองในการพิทักษ์ผู้ป่วย โดยไม่ให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทำเอทีเอที่อยู่นอกเหนือข้อตกลงขององค์การการค้าโลกโดยเด็ดขาด เพราะจะมีผลถึงเรื่องสิทธิบัตรยา ที่กระทบต่อการเข้าถึงยาของผู้ป่วยไทยอย่างมาก
“รู้สึกผิดหวังอย่างมากกับการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลเฉยชากับความรู้สึกของประชาชน เพราะตัดสินใจเอาเรื่องโควตาของแต่ละพรรคในการดำรงตำแหน่งรมว.หน่วยงานต่างๆ แทนที่จะเป็นความต้องการของประชาชน ยิ่งทำให้คนไม่มีศรัทธาในรัฐบาลมากยิ่งขึ้น แม้ว่านายไชยาจะไปอยู่พณ.ก็ตาม แต่เราภาคประชาชนในฐานะผู้บริโภคก็จะติดตามการทำงานของท่านต่อไป โดยเฉพาะประเด็นเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิบัตรยาด้วยเช่นกัน” น.ส.สารี กล่าว
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้นายไชยา สะสมทรัพย์ จะได้ดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ (พณ.) แต่การดำเนินการถอดถอน นายไชยา เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็คงดำเนินต่อไป เนื่องจากขณะนี้รายชื่อประชาชนกว่า 2 หมื่นรายชื่อ ที่เคยยื่นผ่านวุฒิสภา ขณะนี้ได้ส่งเรื่องเพื่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาแล้ว
“จากการหารือกับ ป.ป.ช.บางท่านแสดงความคิดเห็นว่า หาก ป.ป.ช.มีมติว่า เรื่องที่ นายไชยา ขาดการเป็นคุณสมบัติ รมว.สธ.นั้นมีมูล จะส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งเป็น รมว.พณ.ในปัจจุบัน เนื่องจากมีบทลงโทษ ว่า นอกจากการถูกถอดถอนจากตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ยังห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก 5 ปีด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ จากการประกาศทบทวนการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร(ซีแอล) ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป”น.ส.สารี กล่าว
น.ส.สารี กล่าวต่อว่า ในส่วนของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.สธ.คนใหม่ที่จะมาดำรงตำแหน่ง รวมถึงข้าราชการ สธ.ทั้งหมดจำเป็นต้องรับบทหนักมากขึ้น ในการดำเนินการเพื่อให้เกิดการเข้าถึงยาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งภาคประชาชนจะเฝ้าจับตาการทำงานต่อไป รวมถึงกรณีที่ นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจมีเรื่องการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา หรือการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-สหรัฐฯ ซึ่ง สธ.ต้องทำหน้าที่ของตนเองในการพิทักษ์ผู้ป่วย โดยไม่ให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทำเอทีเอที่อยู่นอกเหนือข้อตกลงขององค์การการค้าโลกโดยเด็ดขาด เพราะจะมีผลถึงเรื่องสิทธิบัตรยา ที่กระทบต่อการเข้าถึงยาของผู้ป่วยไทยอย่างมาก
“รู้สึกผิดหวังอย่างมากกับการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลเฉยชากับความรู้สึกของประชาชน เพราะตัดสินใจเอาเรื่องโควตาของแต่ละพรรคในการดำรงตำแหน่งรมว.หน่วยงานต่างๆ แทนที่จะเป็นความต้องการของประชาชน ยิ่งทำให้คนไม่มีศรัทธาในรัฐบาลมากยิ่งขึ้น แม้ว่านายไชยาจะไปอยู่พณ.ก็ตาม แต่เราภาคประชาชนในฐานะผู้บริโภคก็จะติดตามการทำงานของท่านต่อไป โดยเฉพาะประเด็นเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิบัตรยาด้วยเช่นกัน” น.ส.สารี กล่าว