เปิดรายชื่อ 10 เกมอันตราย จีทีเอ, แมนฮันต์, สการ์เฟซ, 50 เซ็นต์, สามร้อย, เดอะ ก็อดฟาเธอร์, คิลเลอร์ 7, เรสซิเดนต์ อีวิล 4, ก็อด ออฟ วอร์ และ ฮิตแมน : บลัด มันนี่ เตือนพ่อแม่ไม่ควรซื้อให้ลูกเล่น ชี้ เด็กเล่นต่อเนื่องยาวนานจะซึมซับความโหดเหี้ยม จนมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงไม่รู้ตัวได้ พร้อมเสนอเร่งพัฒนาเกมแข่งทำความดีให้เล่นแทน ขณะที่ทีมสุขภาพจิตเข้าพูดคุยเพื่อน-ครู เห็นตรงกัน ไม่เชื่อก่อเหตุเพราะคลั่ง เลียนแบบเกม
จากกรณีนักเรียนชายอายุ 19 ปี ใช้มีดแทงคนขับแท็กซี่เพื่อหวังชิงทรัพย์ แต่เกิดการต่อสู้ จนทำให้คนขับเสียชีวิต โดยนักเรียนชายอ้างเลียนแบบเกมคอมพิวเตอร์ ที่มีชื่อว่า จีทีเอ ซึ่งเป็นเกมที่มีรูปแบบใช้อาวุธเข่นฆ่ากัน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2551 นั้น
นพ.หม่อมหลวง สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ได้ส่งทีมสุขภาพจิตจากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ซึ่งประกอบด้วย จิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และพยาบาลจิตเวชเข้าพบ และพูดคุย ตรวจวินิจฉัย และให้กำลังใจครอบครัวของเยาวชนผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งข้อสงสัยว่า เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการเลียนแบบเกมคอมพิวเตอร์จริงหรือไม่ เด็กไม่สบาย หรือมีความผิดปกติ และเพราะเหตุใดจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ยังไม่สามารถบอกได้ อย่างไรก็ตาม ในทางจิตวิทยามีความเป็นไปได้ที่การเล่นเกมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้พฤติกรรมความรุนแรงได้ แต่จะเล่นนานหรือบ่อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคล ทั้งนี้ จะต้องทำการตรวจวินิจฉัยสุขภาพจิตต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทางตำรวจ และอัยการ เนื่องจากคดีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า สำหรับ เกมจีทีเอ ซึ่งเป็นเกมที่เด็กรายนี้ติดจนถึงขั้นคลั่งไคล้นั้น เป็น 1 ใน 10 เกมที่เป็นอันตราย ที่อัยการสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยเมื่อปลายปี 2550 ที่ผ่านมาว่า ให้พ่อแม่ผู้ปกครองหลีกเลี่ยงการซื้อให้ลูกเล่น โดยรายชื่อเกมทั้งหมดประกอบด้วย 1.แกรนด์ เทฟต์ ออโต้ (GTA-Grand Theft Auto) 2.แมนฮันต์ (Manhunt) 3.สการ์เฟซ (Scarface) 4.ห้าสิบเซ็นต์ : บุลเลตพรูฟ (50 Cent : Bulletproof) 5.สามร้อย : เดอะวิดีโอ เกม (300 : The Video Game) 6.เดอะ ก็อดฟาเธอร์ (The Godfather) 7.คิลเลอร์ 7 (Killer 7) 8.เรสซิเดนต์ อีวิล 4 (Resident Evil 4) 9.ก็อด ออฟ วอร์ (God of War) และ 10.ฮิตแมน : บลัด มันนี่ (Hitman : Blood Money)
“นอกจากเกมจะมีส่วนโน้มน้าวจูงใจแล้ว ปัจจัยเรื่องสิ่งแวดล้อม ครอบครัวก็มีส่วนด้วย ซึ่งขณะนี้ครอบครัวของเด็กก็เศร้าและเครียดมาก เด็กขาดที่ปรึกษา และมีความเก็บกด ซึ่งยากที่จะคาดเดาว่าเหตุตอนที่จี้แท็กซี่ เกิดอะไรขึ้น ซึ่งจากการที่ทีมสุขภาพจิตเดินทางไปโรงเรียนเพื่อพูดคุยกับเพื่อนและครู เล่าให้ฟังว่า เด็กเป็นคนเก็บตัว เงียบๆ มีเพื่อนน้อยแต่ทุกคนพูดตรงกันว่า เด็กไม่มีลักษณะที่รุนแรง เรียนปานกลางแต่ชอบเล่นเกม เด็กเก่งคอมพิวเตอร์ และด้านไอทีมาก และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นต่างก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น” นพ.หม่อมหลวง สมชาย กล่าว
นพ.หม่อมหลวง สมชาย กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่เด็กเล่นเกมเหมือนกันแต่ไม่ก่อเหตุรุนแรงขึ้นทุกคน ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากเด็กอาจแยกไม่ออกระหว่างโลกความเป็นจริงกับเกม เนื่องจากวุฒิภาวะไม่แข็งแรงพอ ดังนั้น พ่อแม่ที่คิดว่า ลูกไม่ได้ทำอะไรก็ปล่อยให้เล่นเกมต่อไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีอะไรเสียหาย ควรจะตระหนักและระมัดระวัง เพราะเกมมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็กอย่างแน่นอน ถึงแม้จะไม่ก่อเหตุรุนแรงแต่ก็ทำให้ขาดทักษะชีวิต และสังคมในการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่โรงเรียนจะสอนทักษะการเล่นเกม เลือกเกมที่เหมาะสมเพราะมีเกมดีๆ อีกเป็นจำนวนมาก ที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็ก และหากทำได้จะเป็นเรื่องดีมาก
ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.ศูนย์สุขภาพจิตที่ 14 และจิตแพทย์กรมสุขภาพจิต เปิดเผยภายหลังเดินทางไปสัมภาษณ์พูดคุยกับครูและเพื่อนของเด็กว่า จริงๆ แล้วเกมน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เด็กก่อเหตุ เพราะจากการเก็บข้อมูล พบว่า เด็กมีจุดอ่อนทางด้านจิตใจบางเรื่อง โดยเฉพาะมีภาวะวิตกกังวลสูงรู้สึกว่าตนเองมีปมด้วยและมักจะรู้สึกมากเมื่อเพื่อนหรือครูตำหนิในบางเรื่อง โดยเพื่อสนิทคนหนึ่งเล่าว่า มีครูบางคนทวงถามเรื่องการบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เด็กกลับบอกว่า สงสัยครูจะไม่ชอบตน
“จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ เด็กได้เคยพูดกับเพื่อนสนิทว่า อยากได้รถมอเตอร์ไซค์โดยระบุว่ามีเพื่อนที่ต่างจังหวัดซื่อไม่ทราบว่าเป็นเพื่อนทางอินเทอร์เน็ตหรือไม่ ชักชวนให้ปล้นธนาคาร ทำให้เพื่อนๆ รู้สึกหนักใจ และท้วงติงกลับว่า คิดบ้าๆ หรือเปล่า”พญ.อัมพร กล่าว
ผอ.ศูนย์สุขภาพจิตที่ 14 กล่าวด้วยว่า จากการสอบถามอาจารย์ในโรงเรียน ทราบว่า เด็กมีภาพพจน์ที่ดีในสายตาของครูเคยได้รับรางวัลจากการแข่งขันและการประกวดด้านไอที มีนิสัยเรียบร้อย แต่ในช่วง ม.6 เริ่มเก็บตัวมากขึ้นแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะถึงขั้นก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กรมสุขภาพจิตได้พยายามติดต่อทางครอบครัวของเด็ก ที่จะให้การดูแลจิตใจพ่อแม่ ซึ่งมารดาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก ไม่คิดว่าเด็กจะคลั่งเกมจนเป็นเหตุให้ก่อเหตุดังกล่าวแต่น่าจะมีสาเหเหตุอื่นรวมด้วย โดยเฉพาะข้อมูลที่ได้จากเพื่อนของเด็กทุกคนไม่เชื่อว่าเกิดจากการคลั่งเกม แต่พูดตรงกันว่าระยะหลังเพื่อนของตนที่พฤติกรรมไป โดยมักจะคิดว่าจนมีปัญหาและมีปมด้อย จนไม่อยากคุยกับเพื่อน
นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น ราชนครินทร์ กล่าวว่า ในกรณีที่เด็กให้ได้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ พบว่า พฤติกรรมมีความสอดคล้องกันกับภาพในเกม ซึ่งมีการปล้นแท็กซี่ จึงผลต่อความคิดในการทำร้ายแท็กซี่ในช่วงเกิดเหตุ โดยสภาวะจิตของเด็กมีพื้นฐานอ่อนแอหรือไม่คงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
“ข้อแนะนำเบื้องต้นเพื่อป้องกันเด็กเลียนแบบเกมจนไปทำร้ายผู้อื่นนั้น พ่อแม่ควรสอนและฝึกวินัย โดย 1 ต้องไม่ให้เล่นเกมมากเกินไป คือ ไม่ควรเกินวันละ 1 ชั่วโมงต่อวัน 2.ต้องไม่หมกมุ่นอยู่แต่กับเกมรุนแรงแต่ควรเล่นเกมที่มีความหลากหลาย และ3ต้องพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กให้มากขึ้น สำหรับวิธีการที่จะทำให้เด็กลดการเล่นเกมลงได้ คือ การพูดคุยกับลูกด้วยท่าทีนุ่มนวล ไม่ใช่อารมณ์ ร่วมกันกำหนดกติการ่วมกันว่าวันหนึ่งควรเล่นเกมได้นานเท่าไหร่ และพ่อแม่ต้องไม่สนับสนุนส่งเสริมลูกโดยไม่รู้ตัว โดยการควรปล่อยให้มีคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องส่วนตัว แต่ควรนำมาตั้งไว้ในห้องนั่งเล่นซึ่งสามารถที่จะควบคุมได้ง่ายกว่า” นพ.บัณฑิต กล่าว
ขณะที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้เยาวชนหมกมุ่นกับเกมมากกว่าการเรียนรู้ ก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบที่ไม่ดี โดยเฉพาะการเล่นเกมจีทีเอ เป็นเรื่องที่มีอันตรายมาก และขณะนี้เกมจีทีเอกำลังแพร่ระบาดในกลุ่มของเยาวชนกันมาก โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่มักไม่รู้ถึงรายละเอียด เนื้อหาสาระของเกมที่เด็กเล่น เพียงต้องการให้ลูกหลานอยู่ในสายตา ไม่ไปเที่ยวที่ไหน จึงวางใจให้ลูกหลานเล่นเกมอยู่ในบ้าน แต่เกมเหล่านี้ เมื่อเด็กเข้าไปเล่นมากๆ จะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ซึมซับความรุนแรง ความโหดร้ายโดยไม่รู้ตัว ทำให้สุขภาพจิตเสีย จึงอยากให้พ่อแม่หันมาใส่ใจเรื่องนี้ให้มากขึ้น
นายวิชาญ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กรมสุขภาพจิตตั้งคณะทำงานศึกษาดูแลปัญหาเกมอันตราย และให้ประสานกับกระทรวงไอซีที พัฒนาเกมคุณธรรม เกมแข่งกันทำดีให้เด็กเยาวชนไทยเล่นแทนเกมที่โหดร้าย ซึ่งจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของเด็กให้เป็นคนดี ไม่มีจิตใจที่ดุดัน
จากกรณีนักเรียนชายอายุ 19 ปี ใช้มีดแทงคนขับแท็กซี่เพื่อหวังชิงทรัพย์ แต่เกิดการต่อสู้ จนทำให้คนขับเสียชีวิต โดยนักเรียนชายอ้างเลียนแบบเกมคอมพิวเตอร์ ที่มีชื่อว่า จีทีเอ ซึ่งเป็นเกมที่มีรูปแบบใช้อาวุธเข่นฆ่ากัน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2551 นั้น
นพ.หม่อมหลวง สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ได้ส่งทีมสุขภาพจิตจากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ซึ่งประกอบด้วย จิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และพยาบาลจิตเวชเข้าพบ และพูดคุย ตรวจวินิจฉัย และให้กำลังใจครอบครัวของเยาวชนผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งข้อสงสัยว่า เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการเลียนแบบเกมคอมพิวเตอร์จริงหรือไม่ เด็กไม่สบาย หรือมีความผิดปกติ และเพราะเหตุใดจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ยังไม่สามารถบอกได้ อย่างไรก็ตาม ในทางจิตวิทยามีความเป็นไปได้ที่การเล่นเกมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้พฤติกรรมความรุนแรงได้ แต่จะเล่นนานหรือบ่อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคล ทั้งนี้ จะต้องทำการตรวจวินิจฉัยสุขภาพจิตต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทางตำรวจ และอัยการ เนื่องจากคดีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า สำหรับ เกมจีทีเอ ซึ่งเป็นเกมที่เด็กรายนี้ติดจนถึงขั้นคลั่งไคล้นั้น เป็น 1 ใน 10 เกมที่เป็นอันตราย ที่อัยการสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยเมื่อปลายปี 2550 ที่ผ่านมาว่า ให้พ่อแม่ผู้ปกครองหลีกเลี่ยงการซื้อให้ลูกเล่น โดยรายชื่อเกมทั้งหมดประกอบด้วย 1.แกรนด์ เทฟต์ ออโต้ (GTA-Grand Theft Auto) 2.แมนฮันต์ (Manhunt) 3.สการ์เฟซ (Scarface) 4.ห้าสิบเซ็นต์ : บุลเลตพรูฟ (50 Cent : Bulletproof) 5.สามร้อย : เดอะวิดีโอ เกม (300 : The Video Game) 6.เดอะ ก็อดฟาเธอร์ (The Godfather) 7.คิลเลอร์ 7 (Killer 7) 8.เรสซิเดนต์ อีวิล 4 (Resident Evil 4) 9.ก็อด ออฟ วอร์ (God of War) และ 10.ฮิตแมน : บลัด มันนี่ (Hitman : Blood Money)
“นอกจากเกมจะมีส่วนโน้มน้าวจูงใจแล้ว ปัจจัยเรื่องสิ่งแวดล้อม ครอบครัวก็มีส่วนด้วย ซึ่งขณะนี้ครอบครัวของเด็กก็เศร้าและเครียดมาก เด็กขาดที่ปรึกษา และมีความเก็บกด ซึ่งยากที่จะคาดเดาว่าเหตุตอนที่จี้แท็กซี่ เกิดอะไรขึ้น ซึ่งจากการที่ทีมสุขภาพจิตเดินทางไปโรงเรียนเพื่อพูดคุยกับเพื่อนและครู เล่าให้ฟังว่า เด็กเป็นคนเก็บตัว เงียบๆ มีเพื่อนน้อยแต่ทุกคนพูดตรงกันว่า เด็กไม่มีลักษณะที่รุนแรง เรียนปานกลางแต่ชอบเล่นเกม เด็กเก่งคอมพิวเตอร์ และด้านไอทีมาก และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นต่างก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น” นพ.หม่อมหลวง สมชาย กล่าว
นพ.หม่อมหลวง สมชาย กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่เด็กเล่นเกมเหมือนกันแต่ไม่ก่อเหตุรุนแรงขึ้นทุกคน ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากเด็กอาจแยกไม่ออกระหว่างโลกความเป็นจริงกับเกม เนื่องจากวุฒิภาวะไม่แข็งแรงพอ ดังนั้น พ่อแม่ที่คิดว่า ลูกไม่ได้ทำอะไรก็ปล่อยให้เล่นเกมต่อไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีอะไรเสียหาย ควรจะตระหนักและระมัดระวัง เพราะเกมมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็กอย่างแน่นอน ถึงแม้จะไม่ก่อเหตุรุนแรงแต่ก็ทำให้ขาดทักษะชีวิต และสังคมในการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่โรงเรียนจะสอนทักษะการเล่นเกม เลือกเกมที่เหมาะสมเพราะมีเกมดีๆ อีกเป็นจำนวนมาก ที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็ก และหากทำได้จะเป็นเรื่องดีมาก
ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.ศูนย์สุขภาพจิตที่ 14 และจิตแพทย์กรมสุขภาพจิต เปิดเผยภายหลังเดินทางไปสัมภาษณ์พูดคุยกับครูและเพื่อนของเด็กว่า จริงๆ แล้วเกมน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เด็กก่อเหตุ เพราะจากการเก็บข้อมูล พบว่า เด็กมีจุดอ่อนทางด้านจิตใจบางเรื่อง โดยเฉพาะมีภาวะวิตกกังวลสูงรู้สึกว่าตนเองมีปมด้วยและมักจะรู้สึกมากเมื่อเพื่อนหรือครูตำหนิในบางเรื่อง โดยเพื่อสนิทคนหนึ่งเล่าว่า มีครูบางคนทวงถามเรื่องการบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เด็กกลับบอกว่า สงสัยครูจะไม่ชอบตน
“จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ เด็กได้เคยพูดกับเพื่อนสนิทว่า อยากได้รถมอเตอร์ไซค์โดยระบุว่ามีเพื่อนที่ต่างจังหวัดซื่อไม่ทราบว่าเป็นเพื่อนทางอินเทอร์เน็ตหรือไม่ ชักชวนให้ปล้นธนาคาร ทำให้เพื่อนๆ รู้สึกหนักใจ และท้วงติงกลับว่า คิดบ้าๆ หรือเปล่า”พญ.อัมพร กล่าว
ผอ.ศูนย์สุขภาพจิตที่ 14 กล่าวด้วยว่า จากการสอบถามอาจารย์ในโรงเรียน ทราบว่า เด็กมีภาพพจน์ที่ดีในสายตาของครูเคยได้รับรางวัลจากการแข่งขันและการประกวดด้านไอที มีนิสัยเรียบร้อย แต่ในช่วง ม.6 เริ่มเก็บตัวมากขึ้นแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะถึงขั้นก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กรมสุขภาพจิตได้พยายามติดต่อทางครอบครัวของเด็ก ที่จะให้การดูแลจิตใจพ่อแม่ ซึ่งมารดาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก ไม่คิดว่าเด็กจะคลั่งเกมจนเป็นเหตุให้ก่อเหตุดังกล่าวแต่น่าจะมีสาเหเหตุอื่นรวมด้วย โดยเฉพาะข้อมูลที่ได้จากเพื่อนของเด็กทุกคนไม่เชื่อว่าเกิดจากการคลั่งเกม แต่พูดตรงกันว่าระยะหลังเพื่อนของตนที่พฤติกรรมไป โดยมักจะคิดว่าจนมีปัญหาและมีปมด้อย จนไม่อยากคุยกับเพื่อน
นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น ราชนครินทร์ กล่าวว่า ในกรณีที่เด็กให้ได้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ พบว่า พฤติกรรมมีความสอดคล้องกันกับภาพในเกม ซึ่งมีการปล้นแท็กซี่ จึงผลต่อความคิดในการทำร้ายแท็กซี่ในช่วงเกิดเหตุ โดยสภาวะจิตของเด็กมีพื้นฐานอ่อนแอหรือไม่คงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
“ข้อแนะนำเบื้องต้นเพื่อป้องกันเด็กเลียนแบบเกมจนไปทำร้ายผู้อื่นนั้น พ่อแม่ควรสอนและฝึกวินัย โดย 1 ต้องไม่ให้เล่นเกมมากเกินไป คือ ไม่ควรเกินวันละ 1 ชั่วโมงต่อวัน 2.ต้องไม่หมกมุ่นอยู่แต่กับเกมรุนแรงแต่ควรเล่นเกมที่มีความหลากหลาย และ3ต้องพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กให้มากขึ้น สำหรับวิธีการที่จะทำให้เด็กลดการเล่นเกมลงได้ คือ การพูดคุยกับลูกด้วยท่าทีนุ่มนวล ไม่ใช่อารมณ์ ร่วมกันกำหนดกติการ่วมกันว่าวันหนึ่งควรเล่นเกมได้นานเท่าไหร่ และพ่อแม่ต้องไม่สนับสนุนส่งเสริมลูกโดยไม่รู้ตัว โดยการควรปล่อยให้มีคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องส่วนตัว แต่ควรนำมาตั้งไว้ในห้องนั่งเล่นซึ่งสามารถที่จะควบคุมได้ง่ายกว่า” นพ.บัณฑิต กล่าว
ขณะที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้เยาวชนหมกมุ่นกับเกมมากกว่าการเรียนรู้ ก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบที่ไม่ดี โดยเฉพาะการเล่นเกมจีทีเอ เป็นเรื่องที่มีอันตรายมาก และขณะนี้เกมจีทีเอกำลังแพร่ระบาดในกลุ่มของเยาวชนกันมาก โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่มักไม่รู้ถึงรายละเอียด เนื้อหาสาระของเกมที่เด็กเล่น เพียงต้องการให้ลูกหลานอยู่ในสายตา ไม่ไปเที่ยวที่ไหน จึงวางใจให้ลูกหลานเล่นเกมอยู่ในบ้าน แต่เกมเหล่านี้ เมื่อเด็กเข้าไปเล่นมากๆ จะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ซึมซับความรุนแรง ความโหดร้ายโดยไม่รู้ตัว ทำให้สุขภาพจิตเสีย จึงอยากให้พ่อแม่หันมาใส่ใจเรื่องนี้ให้มากขึ้น
นายวิชาญ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กรมสุขภาพจิตตั้งคณะทำงานศึกษาดูแลปัญหาเกมอันตราย และให้ประสานกับกระทรวงไอซีที พัฒนาเกมคุณธรรม เกมแข่งกันทำดีให้เด็กเยาวชนไทยเล่นแทนเกมที่โหดร้าย ซึ่งจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของเด็กให้เป็นคนดี ไม่มีจิตใจที่ดุดัน