“สมชาย” รับหนี้สินครูเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการศึกษาไทย ชวนครู 7 แสนคนช่วยกันระดมสมอง เพื่อหาทางเยียวยาหนี้ครู และมองว่าการศึกษาถึงยุคต้องเปลี่ยนโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับการทำงาน
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานในพิธีเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการสวัสดิการ และสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจระดับกลางและขนาดย่อม (SME) และสหกรณ์ออมทรัพย์ กล่าวตอนหนึ่งว่าการประชุมครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนาวงการศึกษาไทย โดยเฉพาะเรื่องปัญหาหนี้สิ้นครูไม่ใช่เรื่องที่เป็นความเสียหายร้ายแรง การมีหนี้ถือเป็นเรื่องปกติ และไม่ใช่เฉพาะครูเท่านั้นที่มีหนี้ อาชีพอื่นก็มีหนี้เช่นกัน ประเทศไทยก็มีหนี้ หลายประเทศก็มีหนี้เช่นกัน และแนวทางการแก้ปัญหาหนี้นั้นขึ้นอยู่ที่ความร่วมมือของแต่ละส่วนแต่ละองค์กรว่าจะร่วมมือกันอย่างไรให้ปัญหานี้ลุล่วง
การแก้ปัญหาหนี้ครู ถือเป็นหนึ่งนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาและเป็นเรื่องหนึ่งในการ ยกระดับการศึกษา เพราะพบว่าปัญหาหนี้ครูเป็นหนึ่งในอุปสรรคต่อการพัฒนาการศึกษา ตนคณะผู้บริหารจึงคิดช่วยครูแก้ปัญหา เพื่อคลายความกังวลเรื่องนี้ และเพื่อให้มีสมาธิในการสอนนักเรียน ปัจจุบันเรามีครูสูงถึง 7 แสนราย ถ้าครู 7 แสนรายร่วมกันคิดมาคนละหนึ่งความคิดก็จะมี 7 แสนความคิด จากนั้นนำทั้ง 7 แสนความคิด มาร่วมกันบูรณาการได้ เรื่องนี้ทุกคนต้องไปด้วยกัน
“ผมไม่ใช่ผู้ที่รู้วิธีการมากมาย แต่รู้หน้าที่ต้องทำ นั่นก็คือการเข้ามาดูแลปัญหาหนี้ครู พร้อมให้กำลังใจครูในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยมีธนาคารเอสเอ็มอี ออมสิน กรุงเทพ และผู้บริหาร ศธ.มาร่วมกันทำ และประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง สิ่งที่ยังขาดอยู่ การบูรณาการในภาพรวม ถ้าทำเพียงบางส่วนไม่ทำทั้งหมดก็ลำบาก หากเราสามารถทำเป็นต้นแบบได้ก็อาจจะเป็นประโยชน์”
นายสมชาย บอกว่า คณะกรรมการชุดนี้ส่งผลให้โมเดลการแก้ปัญหาหนี้สินครูสมบูรณ์ และการแก้ปัญหานี้พ่วงกับการพัฒนาการศึกษา ยกระดับคนทุกระดับทั้ง บุคลากร แผนงานวิธีการ ความคิด ความรู้สึก จิตวิญญาณของความเป็นครู เพื่อร่วมกันพัฒนาเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกันคิดช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปทางที่ดี
นายสมชาย มองว่า การศึกษาต้องเกิดความเปลี่ยนแปลง เช่น ครูต้องรับเทคโนโลยีมาเปลี่ยน ห้องสมุดมีชีวิต อีเลิร์นนิ่ง เพื่อให้เด็กเรียนรู้วิวัฒนาการใหม่ๆ การคิดและก้าวให้ทันแบบนี้ เป็นการยกระดับการทำงาน อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าระบบราชการไม่สามารถมากักขังความคิดและ มันสมองของเราได้ เคยบอกในตอนเข้ารับตำแหน่งว่า ไม่ใช่คนที่เก่งเรื่องการศึกษา คนที่เก่งคือคนที่ทำเรื่องนี้มานานนั่นก็คือข้าราชการ ตนเป็นเพียงผู้นำนโยบายมาดำเนินการร่วมกับข้าราชการใน ศธ. อย่างไรก็ตาม ตนต้องการให้คน 7 แสนคนช่วยกันคิดคนละอย่างสองอย่าง ร่วมกันบูรณาการ หาวิธีว่าอะไรดีที่สุดที่จะแก้ปัญหาหนี้สินครูได้
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานในพิธีเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการสวัสดิการ และสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจระดับกลางและขนาดย่อม (SME) และสหกรณ์ออมทรัพย์ กล่าวตอนหนึ่งว่าการประชุมครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนาวงการศึกษาไทย โดยเฉพาะเรื่องปัญหาหนี้สิ้นครูไม่ใช่เรื่องที่เป็นความเสียหายร้ายแรง การมีหนี้ถือเป็นเรื่องปกติ และไม่ใช่เฉพาะครูเท่านั้นที่มีหนี้ อาชีพอื่นก็มีหนี้เช่นกัน ประเทศไทยก็มีหนี้ หลายประเทศก็มีหนี้เช่นกัน และแนวทางการแก้ปัญหาหนี้นั้นขึ้นอยู่ที่ความร่วมมือของแต่ละส่วนแต่ละองค์กรว่าจะร่วมมือกันอย่างไรให้ปัญหานี้ลุล่วง
การแก้ปัญหาหนี้ครู ถือเป็นหนึ่งนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาและเป็นเรื่องหนึ่งในการ ยกระดับการศึกษา เพราะพบว่าปัญหาหนี้ครูเป็นหนึ่งในอุปสรรคต่อการพัฒนาการศึกษา ตนคณะผู้บริหารจึงคิดช่วยครูแก้ปัญหา เพื่อคลายความกังวลเรื่องนี้ และเพื่อให้มีสมาธิในการสอนนักเรียน ปัจจุบันเรามีครูสูงถึง 7 แสนราย ถ้าครู 7 แสนรายร่วมกันคิดมาคนละหนึ่งความคิดก็จะมี 7 แสนความคิด จากนั้นนำทั้ง 7 แสนความคิด มาร่วมกันบูรณาการได้ เรื่องนี้ทุกคนต้องไปด้วยกัน
“ผมไม่ใช่ผู้ที่รู้วิธีการมากมาย แต่รู้หน้าที่ต้องทำ นั่นก็คือการเข้ามาดูแลปัญหาหนี้ครู พร้อมให้กำลังใจครูในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยมีธนาคารเอสเอ็มอี ออมสิน กรุงเทพ และผู้บริหาร ศธ.มาร่วมกันทำ และประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง สิ่งที่ยังขาดอยู่ การบูรณาการในภาพรวม ถ้าทำเพียงบางส่วนไม่ทำทั้งหมดก็ลำบาก หากเราสามารถทำเป็นต้นแบบได้ก็อาจจะเป็นประโยชน์”
นายสมชาย บอกว่า คณะกรรมการชุดนี้ส่งผลให้โมเดลการแก้ปัญหาหนี้สินครูสมบูรณ์ และการแก้ปัญหานี้พ่วงกับการพัฒนาการศึกษา ยกระดับคนทุกระดับทั้ง บุคลากร แผนงานวิธีการ ความคิด ความรู้สึก จิตวิญญาณของความเป็นครู เพื่อร่วมกันพัฒนาเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกันคิดช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปทางที่ดี
นายสมชาย มองว่า การศึกษาต้องเกิดความเปลี่ยนแปลง เช่น ครูต้องรับเทคโนโลยีมาเปลี่ยน ห้องสมุดมีชีวิต อีเลิร์นนิ่ง เพื่อให้เด็กเรียนรู้วิวัฒนาการใหม่ๆ การคิดและก้าวให้ทันแบบนี้ เป็นการยกระดับการทำงาน อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าระบบราชการไม่สามารถมากักขังความคิดและ มันสมองของเราได้ เคยบอกในตอนเข้ารับตำแหน่งว่า ไม่ใช่คนที่เก่งเรื่องการศึกษา คนที่เก่งคือคนที่ทำเรื่องนี้มานานนั่นก็คือข้าราชการ ตนเป็นเพียงผู้นำนโยบายมาดำเนินการร่วมกับข้าราชการใน ศธ. อย่างไรก็ตาม ตนต้องการให้คน 7 แสนคนช่วยกันคิดคนละอย่างสองอย่าง ร่วมกันบูรณาการ หาวิธีว่าอะไรดีที่สุดที่จะแก้ปัญหาหนี้สินครูได้
