xs
xsm
sm
md
lg

ต้นเหตุ..หรือว่าปลายเหตุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังจากที่นานาประเทศประสบความสำเร็จในการรณรงค์เรื่องการออมและสวัสดิการความมั่นคงในยามชราให้กับประชาชนของประเทศนั้น จนเป็นกรณีตัวอย่างและต้นแบบให้อีกหลายๆ ประเทศที่เพิ่งจะเริ่มเห็นความสำคัญของปัญหาคุณภาพชีวิตของคนชราและได้ เข้าไปศึกษาหาความรู้ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสังคมและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศนั้นๆ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ในปัจจุบันปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ของคนชราได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่าง เช่น ประเทศไทยจะมีการนำเสนอทางหน้าจอโทรทัศน์ถึงเรื่องราวชีวิตสุดแสนรันทดของคนแก่ เพื่อขอรับการช่วยเหลือจากผู้ใจบุญกันเกือบจะทุกวัน ยิ่งรันทดมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งน่าสงสารมากเท่านั้น จึงส่งผลให้คนจะช่วยเหลือมาก สำหรับบางคนถูกลูกหลานทอดทิ้งให้อยู่ลำพังตามยถากรรมและเจ็บป่วยตามอายุขัย บ้างก็แก่มากแล้วแต่ยังใจสู้พร้อมแรงกายที่ยังพอมีเหลือก็จะดิ้นรนหาเลี้ยงชีพกันต่อไป บ้างก็เป็นปู่ย่าตายายที่แก่มาก แต่ยังมีภาระในการต้องเลี้ยงดูหลานซึ่งถูกทิ้งไว้ให้เลี้ยงเพื่อไปหางานทำในเมืองใหญ่เพราะความยากจน แรกๆ ที่ได้ดูก็รู้สึกมีอารมณ์ร่วมและอยากช่วยเหลือเหมือนคนอื่นเค้าเหมือนกัน

แต่ความจริงแล้ว จะมีใครสักกี่คนที่จะมีกำลัง มีทรัพย์ มีเวลา หรือมีแก่ใจมาบริจาคเงินหรือสิ่งของให้ได้รับกันทั่วถึงครบทุกๆ คน และสิ่งที่หยิบยื่นให้ไปนั้นไม่ได้ช่วยเหลือให้ คนแก่เหล่านั้นได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างถาวร จริงอยู่ว่า “การให้” ผู้ให้จะได้ทำบุญและรู้สึกสุขใจ และผู้รับเองก็ได้รับประโยชน์จากการให้นั้นซึ่งเป็นประโยชน์เพียงระยะสั้น ลองพิจารณาดูว่าเหตุการณ์เหล่านี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุหรือเปล่า เคยคิดเล่นๆ เพราะอยากรู้ว่าอะไรคือต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตคนแก่ส่วนใหญ่ของประเทศไทยถึงต้องเป็นแบบนั้น ถ้าลองคิดย้อนกลับไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งพบว่ายังมีอีกหลายๆ เรื่องที่เราต้องช่วยกันปรับปรุงแก้ไขตั้งแต่จุดเริ่มซึ่งน่าจะเป็นต้นเหตุของปัญหาคุณภาพชีวิตคนชรา แน่นอนว่าทุกๆ ฝ่ายกำลังร่วมมือกันเพื่อให้องค์ประกอบของระบบบำเหน็จบำนาญ หรือระบบการออมของประเทศมีความสมบูรณ์ และสามารถนำมาปฏิบัติให้ได้ผลสำเร็จในการส่งเสริมการออมเพื่อการชราภาพนั้นเป็นแนวคิดที่ดี ซึ่งหากทำได้จริงก็จะช่วยให้คนชราของประเทศมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ และภาครัฐเองก็ได้แบ่งเบาภาระในการดูแลพวกเค้าเหล่านั้นด้วย

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ระบบการออมซึ่งกำลังจะเสร็จสมบูรณ์เต็มรูปแบบในอนาคต เป็นเพียงเครื่องมือหรือกลไกที่มากำหนดให้ประชาชนจะต้องมีการออม แต่โดยพื้นฐานของค่านิยม วิธีการคิดของคนไทย และปัจจัยพื้นฐานอื่น ๆ ของประเทศ ยังมีเรื่องอีกมากมายที่เป็นต้นเหตุซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน ยกตัวอย่างเช่น ความเท่าเทียมทางการศึกษา ปัญหาความยากจนและการดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง ค่านิยมของการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในวันนี้ จนลืมหรือละเลยเรื่องของอนาคต เป็นต้น ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราควรต้องปรับเปลี่ยนหรือช่วยกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เท่าที่พอจะสามารถทำได้ เช่น ยกระดับการศึกษาของประชาชน เพราะเมื่อมีความรู้ดีในระดับหนึ่ง ย่อมเป็นพื้นฐานของวิธีคิดที่เป็นระบบและพัฒนาได้ หรือกับคนใกล้ตัว เช่น ลูกหลานของเราควรจะช่วยกันปลูกฝังหรือเป็นเบ้าหลอมที่ดี ให้เยาวชนได้ซึมซับเรื่องความสำคัญของการออมจนเป็นเรื่องปกติธรรมดาในชีวิตประจำวัน

ทำได้อย่างนี้เมื่อไหร่ คงจะไม่มีเรื่องเศร้าให้ต้องมาแก้ที่ปลายเหตุกันอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น