อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.“พนิช วิกิตเศรษฐ์” ชี้ส่ง “อภิรักษ์” ลงชิงชัยผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัยต้องยอมรับความเสี่ยง หากถูกชี้มูลจาก ป.ป.ช.ภายหลัง เพราะยังมีชนักติดจากคดีทุจริตจัดซื้อรถเรือดับเพลิง กทม.ขณะที่บอก “หล่อเล็ก” ให้ตัดสินใจดีๆ ถ้าพังก็เอา ปชป.ไปด้วย
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวโน้มที่คณะกรรมการคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธาน จะสรุปเสนอรายชื่อ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.และรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่สองต่อกรรมการบริหารพรรคในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.นี้ แม้ตนเองจะได้รับการวางตัวให้ลงสมัครแทน หาก นายอภิรักษ์ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดคดีโครงการทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ของ กทม.ว่า พรรค ปชป.คงพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว และคงเห็นว่า นายอภิรักษ์ มีความเหมาะสม ซึ่งในส่วนของคดีรถดับเพลิงคงไม่ได้เป็นปัญหาของ นายอภิรักษ์ แต่เป็นปัญหาของระบบ ขณะเดียวกันพรรค ปชป.คงเห็นแล้วว่าในตอนนี้คดียังไม่มีความชัดเจนว่า นายอภิรักษ์ จะถูกชี้มูลแต่อย่างใด
นายพนิช กล่าวต่อว่า เมื่อพรรค ปชป.ยืนยันที่จะส่ง นายอภิรักษ์ ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัยก็ต้องยอมรับในความเสี่ยงด้วยว่าหาก ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดภายหลังวันรับสมัคร ซึ่งคาดว่า จะเป็นวันที่ 1-5 ก.ย.จะทำให้ นายอภิรักษ์ ต้องถอนตัวทันที ซึ่งพรรคต้องมั่นใจในสถานะดังกล่าวว่าจะไม่มีคนของพรรคอยู่ในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แน่นอน ซึ่งพรรคก็อาจจะส่งใครอีกคนลงเพื่อป้องกันไม่ให้พรรคพลาดสนาม กทม.แต่ตนคิดว่าสุดท้ายพรรค ปชป.คงไม่ทำอย่างนั้น และไม่มีการส่งใครลงในนามอิสระ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เหมือนเป็นการเหยียบเรือสองแคม พรรคคงไม่ทำ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตัวผู้สมัครก็ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติของตนเอง ว่า มีความพร้อมอย่างไร เมื่อมีคดีอยู่ก็ต้องคิดถึงผลกระทบที่จะตามมา ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่บุคคลคนเดียว เพราะลงสมัครในนามพรรค ปชป.หากมีปัญหาในภายหลังพรรคก็จะมีผลกระทบตามมาด้วยเช่นกัน
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวโน้มที่คณะกรรมการคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธาน จะสรุปเสนอรายชื่อ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.และรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่สองต่อกรรมการบริหารพรรคในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.นี้ แม้ตนเองจะได้รับการวางตัวให้ลงสมัครแทน หาก นายอภิรักษ์ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดคดีโครงการทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ของ กทม.ว่า พรรค ปชป.คงพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว และคงเห็นว่า นายอภิรักษ์ มีความเหมาะสม ซึ่งในส่วนของคดีรถดับเพลิงคงไม่ได้เป็นปัญหาของ นายอภิรักษ์ แต่เป็นปัญหาของระบบ ขณะเดียวกันพรรค ปชป.คงเห็นแล้วว่าในตอนนี้คดียังไม่มีความชัดเจนว่า นายอภิรักษ์ จะถูกชี้มูลแต่อย่างใด
นายพนิช กล่าวต่อว่า เมื่อพรรค ปชป.ยืนยันที่จะส่ง นายอภิรักษ์ ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัยก็ต้องยอมรับในความเสี่ยงด้วยว่าหาก ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดภายหลังวันรับสมัคร ซึ่งคาดว่า จะเป็นวันที่ 1-5 ก.ย.จะทำให้ นายอภิรักษ์ ต้องถอนตัวทันที ซึ่งพรรคต้องมั่นใจในสถานะดังกล่าวว่าจะไม่มีคนของพรรคอยู่ในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แน่นอน ซึ่งพรรคก็อาจจะส่งใครอีกคนลงเพื่อป้องกันไม่ให้พรรคพลาดสนาม กทม.แต่ตนคิดว่าสุดท้ายพรรค ปชป.คงไม่ทำอย่างนั้น และไม่มีการส่งใครลงในนามอิสระ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เหมือนเป็นการเหยียบเรือสองแคม พรรคคงไม่ทำ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตัวผู้สมัครก็ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติของตนเอง ว่า มีความพร้อมอย่างไร เมื่อมีคดีอยู่ก็ต้องคิดถึงผลกระทบที่จะตามมา ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่บุคคลคนเดียว เพราะลงสมัครในนามพรรค ปชป.หากมีปัญหาในภายหลังพรรคก็จะมีผลกระทบตามมาด้วยเช่นกัน
