จิตแพทย์เด็ก ระบุครูสั่งการบ้านมาก การบ้านยาก ทำให้เด็กเป็นโรคเครียด แนะครูลดปริมาณการบ้านหรือสั่งการบ้านเป็นรายบุคคลในกรณีเด็กเรียนรู้ช้า สมาธิสั้น ระบุความเครียดเด็กมี 3 ระดับ หากกระทบต่อการเรียน เด็กไม่มีสมาธิ ซึมเศร้า ควรพบจิตแพทย์
นพ.จอม ชุมช่วย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น เปิดเผยว่า ปัจจุบันเด็กมีอัตราเป็นโรคเครียดมากขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากปัญหาครอบครัว มาจากการเรียนโดยเฉพาะ “การบ้าน” พบว่าครูสั่งการบ้านในบางรายวิชามากเกินไปและยาก บางครอบครัวเมื่อเช็กตารางการบ้านพบว่า เด็กใช้เวลาทำการบ้านเกือบ 3 ชั่วโมง ทำให้ไม่มีเวลาพัก เพราะตามธรรมชาติของเด็กเมื่อเลิกเรียนแล้วก็อยากจะเล่นสนุก เป็นอิสระ แต่ต้องมานั่งทำการบ้านนาน ๆ เด็กจึงเครียด
นพ.จอม กล่าวว่า สำหรับความเครียดของเด็ก แบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ ระดับแรก เด็กเครียด วิตกกังวล ไม่มีสมาธิ แต่ไม่กระทบกับผลการเรียน และไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง เป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น ระดับที่ 2 ความเครียดรุนแรงขึ้นโดยส่งผลกระทบต่อการเรียน การทำงาน และความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง และระดับที่ 3 ถือว่าเป็นระดับที่รุนแรงและมีผลกระทบอย่างมาก ทำให้เด็กไม่มีสมาธิ ผลการเรียนตก ซึมเศร้า เหม่อลอย อยากตาย ร่างกายไม่มีพละกำลัง เนื่องจากทำให้ระบบประสาทและการทำงานของสมองผิดปกติ ซึ่งระดับ 2 และ 3 ควรพบจิตแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา
“ครูต้องมีความใส่ใจต่อเด็กให้มากในเรื่องของการสั่งการบ้าน เพราะเด็กที่มีปัญหาการเรียนอาจจะเกิดการรับรู้ช้า หรือสมาธิสั้น ความสามารถอาจจะไม่ทันเพื่อนคนอื่นๆ ซึ่งตรงนี้ครูผู้สอนอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการสั่งการบ้าน หรือไม่ก็อาจจะสั่งการบ้านพิเศษให้กับเด็กที่มีปัญหา แยกกันว่าเด็กที่ไม่มีปัญหาการเรียน หรือพวกที่ติดท็อปเท็นก็อาจจะสั่งการบ้านปกติ แต่สำหรับเด็กที่สมาธิสั้น เรียนรู้ได้ช้ากว่าเพื่อน ก็อาจจะสั่งการบ้านที่ง่าย ๆ และไม่เยอะจนเกินไป จะช่วยเด็กไม่เครียด แต่ในปัจจุบันพบว่า ครูส่วนมากไม่ค่อยได้ใส่ใจถึงเรื่องนี้มากเท่าที่ควร เด็กก็เลยเครียด”นพ.จอม กล่าว
นพ.จอม ชุมช่วย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น เปิดเผยว่า ปัจจุบันเด็กมีอัตราเป็นโรคเครียดมากขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากปัญหาครอบครัว มาจากการเรียนโดยเฉพาะ “การบ้าน” พบว่าครูสั่งการบ้านในบางรายวิชามากเกินไปและยาก บางครอบครัวเมื่อเช็กตารางการบ้านพบว่า เด็กใช้เวลาทำการบ้านเกือบ 3 ชั่วโมง ทำให้ไม่มีเวลาพัก เพราะตามธรรมชาติของเด็กเมื่อเลิกเรียนแล้วก็อยากจะเล่นสนุก เป็นอิสระ แต่ต้องมานั่งทำการบ้านนาน ๆ เด็กจึงเครียด
นพ.จอม กล่าวว่า สำหรับความเครียดของเด็ก แบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ ระดับแรก เด็กเครียด วิตกกังวล ไม่มีสมาธิ แต่ไม่กระทบกับผลการเรียน และไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง เป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น ระดับที่ 2 ความเครียดรุนแรงขึ้นโดยส่งผลกระทบต่อการเรียน การทำงาน และความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง และระดับที่ 3 ถือว่าเป็นระดับที่รุนแรงและมีผลกระทบอย่างมาก ทำให้เด็กไม่มีสมาธิ ผลการเรียนตก ซึมเศร้า เหม่อลอย อยากตาย ร่างกายไม่มีพละกำลัง เนื่องจากทำให้ระบบประสาทและการทำงานของสมองผิดปกติ ซึ่งระดับ 2 และ 3 ควรพบจิตแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา
“ครูต้องมีความใส่ใจต่อเด็กให้มากในเรื่องของการสั่งการบ้าน เพราะเด็กที่มีปัญหาการเรียนอาจจะเกิดการรับรู้ช้า หรือสมาธิสั้น ความสามารถอาจจะไม่ทันเพื่อนคนอื่นๆ ซึ่งตรงนี้ครูผู้สอนอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการสั่งการบ้าน หรือไม่ก็อาจจะสั่งการบ้านพิเศษให้กับเด็กที่มีปัญหา แยกกันว่าเด็กที่ไม่มีปัญหาการเรียน หรือพวกที่ติดท็อปเท็นก็อาจจะสั่งการบ้านปกติ แต่สำหรับเด็กที่สมาธิสั้น เรียนรู้ได้ช้ากว่าเพื่อน ก็อาจจะสั่งการบ้านที่ง่าย ๆ และไม่เยอะจนเกินไป จะช่วยเด็กไม่เครียด แต่ในปัจจุบันพบว่า ครูส่วนมากไม่ค่อยได้ใส่ใจถึงเรื่องนี้มากเท่าที่ควร เด็กก็เลยเครียด”นพ.จอม กล่าว