สธ.เตรียมวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และไข้กาฬหลังแอ่น 30,000 โดส เปิดให้บริการพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปแสวงบุญ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในปีนี้ 13,000 คนฟรี ระหว่างวันที่ 20 มิถุนายน-16 กรกฎาคม 2551 พร้อมจัดหน่วยแพทย์พยาบาลไทยเดินทางไปให้บริการรักษาพยาบาลที่นครเมกกะนาน 2 เดือนฟรีด้วย
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ กทม. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสร้างเสริมภูมิ คุ้มกันโรคติดต่อแก่ชาวไทยมุสลิมที่ไปแสวงบุญ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ว่า การไปประกอบพิธีฮัจญ์ เป็นบทบัญญัติข้อหนึ่งของศาสนาอิสลาม สำหรับชาวมุสลิมที่มีความสามารถที่จะต้องไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งในทุกปีจะมีชาวมุสลิมจากทั่วโลกประมาณ 2-3 ล้านคน เดินทางไปประกอบพิธีดังกล่าว ในปีนี้มีชาวไทยมุสลิมเดินทางไปร่วมพิธีดังกล่าว จำนวน 13,000 คน
ในการดูแลสุขภาพและเตรียมความพร้อมให้ชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปร่วมพิธีฮัจญ์ ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคแก่ชาวไทยมุสลิม 2 ชนิด ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ หรือโรคกาฬหลังแอ่น (Meningococcal meningitis) ชนิดเอ, ซี, วาย และดับเบิลยู 135 และวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) ตามที่ประเทศซาอุดิอาระเบียกำหนด โดยเตรียมไว้อย่างละ 15,000 โดส รวมทั้งหมด 30,000 โดส ให้บริการฟรี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ป่วยจาก 2 โรคดังกล่าว เนื่องจากผู้ไปประกอบพิธีฮัจญ์มาจากหลายเชื้อชาติทุกภูมิภาคของโลก และจะต้องอาศัยอยู่รวมกันจำนวนมากเป็นเวลานานในสถานที่จำกัด โรคจึงมีโอกาสระบาดขึ้นได้ โดยได้เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2551 ถึงวันที่ 16 กรกฎาคม 2551
ทางด้านนายแพทย์ศิริศักดิ์ วรินทราวาท รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้กาฬหลังแอ่น เป็นโรคที่ติดต่อทางเดินหายใจได้ มีอัตราตายสูง จากการเฝ้าระวังในไทยพบได้ประปราย ในปี 2550 มีรายงานป่วย 30 ราย เสียชีวิต 10 ราย ในปี 2551 นี้มีรายงานป่วย 22 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดหน่วยแพทย์พยาบาลไทยไปให้บริการรักษาพยาบาลชาวไทยมุสลิมระหว่างร่วมพิธีฮัจญ์ด้วยปีละ 2 ทีม ปฏิบัติงานติดต่อกัน 2 เดือน ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2551 มีผู้มารับบริการจำนวน 28,322 ราย เกือบร้อยละ 80 เป็นไข้หวัด ปวดเมื่อยร้อยละ 11 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 4 เป็นโรคอุจจาระร่วง โดยรวมพบสุขภาพของชาวไทยมุสลิมค่อนข้างดี ไม่พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้กาฬหลังแอ่นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ชาวไทยมุสลิมที่จะรับบริการฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง ในพื้นที่ กทม.สามารถไปขอรับบริการได้ที่สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี, ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือกรุงเทพ, สำนักงานแพทย์ตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู, กองควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพฯ, สถานเสาวภา สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลนวมินทร์ กทม. ส่วนต่างจังหวัด รับบริการที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้, สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จ.ชลบุรี, สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จ.เชียงใหม่ และด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ที่ 12 จ.สงขลา ขณะนี้ส่วนใหญ่ฉีดไปแล้ว สำหรับประชาชนที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการศาสนาแต่ยังไม่ได้ฉีด ขอให้ไปรับบริการได้ตามสถานที่