ในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำและสังคมเต็มไปด้วยความตึงเครียดเช่นนี้ การดูแลรักษา “จิตใจ” ของคนให้มี “ความเข้มแข็ง” จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ซึ่ง “ดนตรีบำบัด” ก็เป็นอีกศาสตร์หนึ่งสำหรับการผ่อนคลายอารมณ์และสามารถช่วยบรรเทาความเครียดที่ก่อตัวอยู่ในจิตใจของผู้ฟังได้
นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล จิตแพทย์ชื่อดัง ให้ข้อมูลเรื่องการบำบัดด้วยศาสตร์ทางด้านดนตรีว่า เสียงดนตรีมีผลกระทบต่อร่างกายเนื่องจากในสมองของคนเราส่วนหนึ่งประกอบไปด้วย “น้ำ” ดังนั้น เสียงดนตรีจึงส่งผลกระทบต่อน้ำในสมอง ส่วนการใช้เนื้อร้องจะช่วยกระตุ้นความคิดของผู้ฟัง ขณะที่ทำนองจะเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึก
“การใช้ดนตรีบำบัดเป็นแนวทางการรักษาหนึ่งที่มีการนำมาใช้มากขึ้นในปัจจุบัน เพราะดนตรีเสมือนยาที่ใช้ฟังทางหู ท่วงทำนองของดนตรีจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะสามารถช่วยกระตุ้นความรู้สึกให้ผ่อนคลาย ฮึกเหิม ตื่นตัว การเลือกดนตรีในการบำบัดจึงขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละคนด้วยเช่นกัน ซึ่งแนวทางการรักษานี้ได้รับการพิสูจน์และใช้อย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ นอกจากนี้ ดนตรียังมีผลต่อสิ่งมีชีวิตทุกประเภท ตั้งแต่ คน สัตว์ และต้นไม้ เช่น การเปิดเพลงให้ต้นไม้ หรือการพูดในน้ำเสียงที่นุ่มนวล จะทำให้ต้นไม้เติบโต และมีดอกไม้ในที่สุด”
ด้าน ครูตุ่น – รุ่งรดิศญ ไวอาษา ผู้เรียบเรียงดนตรี และเขียนหนังสือ “มหัศจรรย์แห่งรัก” จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์เลซี่เดย์ ให้ข้อมูลว่า เสียงดนตรีภายใต้คลื่นความถี่ของเสียงที่เหมาะสมนั้น จะสามารถปรับสมดุลของอวัยวะต่างๆ รวมถึงจิตใจของผู้ฟังได้
ทั้งนี้ ตนเองได้เรียบเรียงดนตรีขึ้นมาใหม่ โดยใช้แนวคิด “มหัศจรรย์ของความรัก” ในการเยียวยาความสัมพันธ์ ทั้งภายในครอบครัว ความสัมพันธ์ฉันเพื่อน ญาติสนิทมิตรสหาย ซึ่งในแต่ละบทเพลงจะมีลีลาที่มีความหลากหลายอันจะส่งผลต่อธาตุต่างๆ และลมปราณในร่างกายให้เกิดความสมดุล จากคลื่นเสียงที่กระทบโสตประสาท ผ่านสมองไปสู่ Autonomic Nervous System
สำหรับเนื้อหาในหนังสือมหัศจรรย์แห่งความรักนั้น แบ่งเรื่องราวออกเป็นบทเป็นตอน สอดคล้องกับบทเพลงที่บรรเลง ซึ่งในแต่ละบทแต่ละตอนจะสื่อถึงความรักที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงวัย โดยมีบทเพลงบรรเลงเป็นสื่อกลางให้ผู้ฟังสามารถจินตนาการ และเกิดความรู้สึกคล้อยตามเสียงดนตรี
ส่วนดนตรีในชุดนี้ได้ประพันธ์ขึ้นมาใหม่ โดยใช้คลื่นความถี่ระหว่าง 8-14 Hz.ซึ่งจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกปล่อยวาง ผ่อนคลาย ในขณะเดียวกันผู้ฟังยังคงรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา โดยจินตนาการที่โบยบินไปพร้อมกับเสียงดนตรี จะทำให้ผู้อ่านลืมสิ่งที่เป็นปัญหาทั้งหมดที่ประสบมาตลอดวัน เพราะจิตจะแน่วแน่ไปตามสิ่งที่เราคิด พร้อมๆ กับเพลินใจไปกับเสียงดนตรีที่บรรเลงอย่างพลิ้วไหว ถือได้ว่าเป็นการดีท็อกซ์จิตใจที่ช่วยให้สุขภาพกายและใจได้รับการเยียวยา
อย่างไรก็ตาม การบำบัดด้วยเพลงควรทำควบคู่ไปกับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ การปล่อยวางจากเรื่องต่างๆ ที่ทำให้ไม่สบายใจ หรือการทำอะไรที่เร็ว ไม่ว่าจะพูด คิด หรือรับประทาน
นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล จิตแพทย์ชื่อดัง ให้ข้อมูลเรื่องการบำบัดด้วยศาสตร์ทางด้านดนตรีว่า เสียงดนตรีมีผลกระทบต่อร่างกายเนื่องจากในสมองของคนเราส่วนหนึ่งประกอบไปด้วย “น้ำ” ดังนั้น เสียงดนตรีจึงส่งผลกระทบต่อน้ำในสมอง ส่วนการใช้เนื้อร้องจะช่วยกระตุ้นความคิดของผู้ฟัง ขณะที่ทำนองจะเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึก
“การใช้ดนตรีบำบัดเป็นแนวทางการรักษาหนึ่งที่มีการนำมาใช้มากขึ้นในปัจจุบัน เพราะดนตรีเสมือนยาที่ใช้ฟังทางหู ท่วงทำนองของดนตรีจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะสามารถช่วยกระตุ้นความรู้สึกให้ผ่อนคลาย ฮึกเหิม ตื่นตัว การเลือกดนตรีในการบำบัดจึงขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละคนด้วยเช่นกัน ซึ่งแนวทางการรักษานี้ได้รับการพิสูจน์และใช้อย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ นอกจากนี้ ดนตรียังมีผลต่อสิ่งมีชีวิตทุกประเภท ตั้งแต่ คน สัตว์ และต้นไม้ เช่น การเปิดเพลงให้ต้นไม้ หรือการพูดในน้ำเสียงที่นุ่มนวล จะทำให้ต้นไม้เติบโต และมีดอกไม้ในที่สุด”
ด้าน ครูตุ่น – รุ่งรดิศญ ไวอาษา ผู้เรียบเรียงดนตรี และเขียนหนังสือ “มหัศจรรย์แห่งรัก” จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์เลซี่เดย์ ให้ข้อมูลว่า เสียงดนตรีภายใต้คลื่นความถี่ของเสียงที่เหมาะสมนั้น จะสามารถปรับสมดุลของอวัยวะต่างๆ รวมถึงจิตใจของผู้ฟังได้
ทั้งนี้ ตนเองได้เรียบเรียงดนตรีขึ้นมาใหม่ โดยใช้แนวคิด “มหัศจรรย์ของความรัก” ในการเยียวยาความสัมพันธ์ ทั้งภายในครอบครัว ความสัมพันธ์ฉันเพื่อน ญาติสนิทมิตรสหาย ซึ่งในแต่ละบทเพลงจะมีลีลาที่มีความหลากหลายอันจะส่งผลต่อธาตุต่างๆ และลมปราณในร่างกายให้เกิดความสมดุล จากคลื่นเสียงที่กระทบโสตประสาท ผ่านสมองไปสู่ Autonomic Nervous System
สำหรับเนื้อหาในหนังสือมหัศจรรย์แห่งความรักนั้น แบ่งเรื่องราวออกเป็นบทเป็นตอน สอดคล้องกับบทเพลงที่บรรเลง ซึ่งในแต่ละบทแต่ละตอนจะสื่อถึงความรักที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงวัย โดยมีบทเพลงบรรเลงเป็นสื่อกลางให้ผู้ฟังสามารถจินตนาการ และเกิดความรู้สึกคล้อยตามเสียงดนตรี
ส่วนดนตรีในชุดนี้ได้ประพันธ์ขึ้นมาใหม่ โดยใช้คลื่นความถี่ระหว่าง 8-14 Hz.ซึ่งจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกปล่อยวาง ผ่อนคลาย ในขณะเดียวกันผู้ฟังยังคงรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา โดยจินตนาการที่โบยบินไปพร้อมกับเสียงดนตรี จะทำให้ผู้อ่านลืมสิ่งที่เป็นปัญหาทั้งหมดที่ประสบมาตลอดวัน เพราะจิตจะแน่วแน่ไปตามสิ่งที่เราคิด พร้อมๆ กับเพลินใจไปกับเสียงดนตรีที่บรรเลงอย่างพลิ้วไหว ถือได้ว่าเป็นการดีท็อกซ์จิตใจที่ช่วยให้สุขภาพกายและใจได้รับการเยียวยา
อย่างไรก็ตาม การบำบัดด้วยเพลงควรทำควบคู่ไปกับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ การปล่อยวางจากเรื่องต่างๆ ที่ทำให้ไม่สบายใจ หรือการทำอะไรที่เร็ว ไม่ว่าจะพูด คิด หรือรับประทาน
