“วิชาญ” เล็งของบสนับสนุนองค์กรสุขภาพตระกูล ส.จุนเจืองาน สธ.5 กรม ที่ได้รับมอบหมายจาก “ไชยา” หลังมีปัญหาประสานงานของบไม่ได้ เตรียมหารือตกลงร่วมกันเป็นพันธสัญญาใน 1 ปี ให้งบประมาณดำเนินการ แต่ละกรมเท่าไหร่ อ้างเพื่อความคล่องตัวในการทำงาน
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยระหว่างตรวจเยี่ยมกรมอนามัยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายให้กรมต่างๆ ที่ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการ สธ.มอบหมายให้ตนรับผิดชอบ ซึ่งมีทั้งหมด 5 กรม คือ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมสุขภาพจิต กรมอนามัย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า ต่างมีปัญหาในการประสานขอสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรสุขภาพตระกูล ส.ต่างๆ เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
“ในอดีต สธ.เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบพันธกิจเหล่านี้ทั้งหมด และมีงบประมาณให้แต่ละกรมทำงาน แต่วันนี้งานเหล่านี้ได้ถูกแยกออกไป และนำไปแขวนไว้ในองค์กรต่างๆ ดังนั้น เพื่อให้งานของแต่ละกรมยังคงดำเนินไปได้ และไม่สะดุด จำเป็นต้องขอสนับสนุนงบประมาณที่ชัดเจนจากหน่วยงานดังกล่าว โดยจะเชิญหน่วยงานตระกูล ส.มาหารือร่วมกัน ขณะที่องค์กรเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสำนักงบประมาณ จึงควรมีข้อตกลงร่วมกัน ว่า ใน 1 ปีจะให้งบประมาณแต่ละกรมเพื่อดำเนินงานอย่างไร โดยกำหนดเป็นพันธกิจที่ชัดเจนและเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงาน”นายวิชาญ กล่าว
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยระหว่างตรวจเยี่ยมกรมอนามัยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายให้กรมต่างๆ ที่ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการ สธ.มอบหมายให้ตนรับผิดชอบ ซึ่งมีทั้งหมด 5 กรม คือ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมสุขภาพจิต กรมอนามัย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า ต่างมีปัญหาในการประสานขอสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรสุขภาพตระกูล ส.ต่างๆ เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
“ในอดีต สธ.เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบพันธกิจเหล่านี้ทั้งหมด และมีงบประมาณให้แต่ละกรมทำงาน แต่วันนี้งานเหล่านี้ได้ถูกแยกออกไป และนำไปแขวนไว้ในองค์กรต่างๆ ดังนั้น เพื่อให้งานของแต่ละกรมยังคงดำเนินไปได้ และไม่สะดุด จำเป็นต้องขอสนับสนุนงบประมาณที่ชัดเจนจากหน่วยงานดังกล่าว โดยจะเชิญหน่วยงานตระกูล ส.มาหารือร่วมกัน ขณะที่องค์กรเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสำนักงบประมาณ จึงควรมีข้อตกลงร่วมกัน ว่า ใน 1 ปีจะให้งบประมาณแต่ละกรมเพื่อดำเนินงานอย่างไร โดยกำหนดเป็นพันธกิจที่ชัดเจนและเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงาน”นายวิชาญ กล่าว
