“ไชยา” ชี้ ผอ.โรงพยาบาลหัวหิน ต้องรับผิดชอบก่อสร้างทำงานล่าช้า ขณะที่ปลัดปัดไม่เกี่ยวรัฐมนตรี อยากย้ายคนเก่งมาช่วยงาน
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการโยกย้าย นพ.ไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวหิน มาเป็นผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุขจากปลัด สธ.แต่กรณีเรื่องการก่อสร้างหอผู้ป่วยวิกฤตโรคหัวใจ บริเวณชั้น 10 ที่โรงพยาบาลหัวหินที่ล่าช้านั้น เป็นหน้าที่ของ สธ.ต้องรับผิดชอบ ดังนั้น การโยกย้ายครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่ สธ.ทำให้เกิดความล่าช้าและเสียหายเกิดขึ้น
“เรื่องการโยกย้ายผมไม่รู้ ผมไม่ได้สั่งให้ย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวหินเพียงแต่วันที่ไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลหัวหินเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผมตำหนิทั้งปลัด และ ผอ.ว่า ทำให้งานล่าช้าเช่นนี้ได้อย่างไร และแพทย์ประจำพระองค์ ก็ได้กล่าวว่ารอมาถึง 4 รัฐมนตรี ผมเป็นรัฐมนตรีคนที่ 5 แล้ว วันก่อน (3 ก.ค.) ก็ไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าอีก ก็เห็นอยู่ด้วย ยังไม่ได้ย้ายไปไหน ส่วนการย้ายครั้งนี้ หากปลัดบอกว่า ย้ายให้มาช่วยงานก็คงเป็นไปตามนั้น เพราะหมอทุกคนกว่าจะเรียนมาได้ระดับนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีความสามารถอยู่แล้ว เพียงแต่งานบางอย่างเหมาะกับคนบางคน และงานบางอย่างก็เหมาะกับเฉพาะบางคน อย่างไรก็ดี ไม่เชื่อว่าคนเป็นผอ.จะปฏิเสธความรับผิดในครั้งนี้ได้ เพราะเป็นเจ้าของสถานที่อย่างไร ก็ต้องรับผิดชอบ” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณี นพ.ศิริวัฒน์ ฟ้องศาลปกครอง ตนไม่มีความคิดเห็น เป็นสิทธิ์ของท่าน เป็นเรื่องธรรมดาที่หากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ต้องฟ้องร้องต่อศาล ตนไม่อยากพูดอะไรมาก
ด้านนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ. กล่าวว่า สำหรับการโยกย้ายข้าราชการครั้งนี้ ถือเป็นการย้ายเพื่อมาช่วยราชการสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ช่วยปลัดและรองปลัด ซึ่งไม่เพียงแต่ นพ.ไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์ เท่านั้น ยังมีการโยกย้ายสาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาลอื่นอีกรวมเป็น 6 คน ได้แก่ นครสวรรค์ มหาสารคาม นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา ประจวบคีรีขันธ์ และภูเก็ต ส่วนผู้ที่จะมาแทน ผอ.โรงพยาบาลหัวหินคือ ผอ.โรงพยาบาลอ่างทอง ซึ่งสามรรถที่จะดำเนินการต่อได้ทันทีไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
นพ.ปราชญ์ กล่าวว่าต่อว่า แม้ว่า นายไชยา จะระบุว่า เป็นความรับผิดชอบของสธ.และการโยกย้ายครั้งนี้เป็นการแสดงความรับผิดชอบ แต่ตนเองได้ลงนามคำสั่งโยกย้ายด้วยตนเอง ซึ่งยืนยันว่าเหตุผลไม่เกี่ยวข้องกันกับการก่อสร้างหอผู้ป่วยวิกฤตหัวใจหรือเกี่ยวกับนายไชยาแต่อย่างใด แต่เนื่องจากตนเคยเสนอขอตำแหน่งผู้ช่วยปลัดสธ.ไปที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แล้ว แต่ไม่ได้รับอนุมัติ จึงต้องย้ายคนเก่งมาช่วยทำงาน และคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าวเพิ่งลงนามเมื่อวันที่ 3 ก.ค.นี้ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับนายไชยาสั่งการ
“ผมเหนื่อยเลยต้องหาคนมาช่วยงานเพิ่ม รวมทั้งช่วยรองปลัดด้วย ซึ่งโครงการใหญ่ต่อจากนี้ ตั้งใจจะกว้างล้างวัณโรค อย่านำเรื่องย้าย ผอ.รพ.หัวหิน ไปเชื่อมโยงกับการก่อสร้างเลย ต้องให้ความเป็นธรรมคุณหมอด้วย ส่วนเรื่องนพ.ศิริวัฒน์ ฟ้องศาลปกครองนั้น ไม่รู้ ไม่อยากพูดถึง แค่อยากถามว่า ก่อนเป็นเลขาฯ อย.นพ.ศิริวัฒน์ มาจากไหน ทำไมไม่มีใครพูดถึง”นพ.ปราชญ์ กล่าว
ขณะที่ นพ.ไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวหิน กล่าวว่า ยังไม่ได้รับคำสั่งดังกล่าว ทั้งนี้ ความล่าช้าในการก่อสร้างหอผู้ป่วยวิกฤตโรคหัวใจเกิดขึ้นก่อนที่ตนเองเข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่ปี พ.ค.2549 ซึ่งภายหลังจากที่เข้ามาทำงานก็รีบแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งการส่งมอบพื้นที่เพื่อให้ก่อสร้างต่อได้
ส่วนข้อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังจากได้รับคำสั่งแล้ว หากเหตุผลที่โยกย้ายไม่เหมาะสมจะฟ้องร้องต่อศาลปกครองหรือไม่ นพ.ไชยนันท์ กล่าวว่า ต้องดูคำสั่งอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการโยกย้าย นพ.ไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวหิน มาเป็นผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุขจากปลัด สธ.แต่กรณีเรื่องการก่อสร้างหอผู้ป่วยวิกฤตโรคหัวใจ บริเวณชั้น 10 ที่โรงพยาบาลหัวหินที่ล่าช้านั้น เป็นหน้าที่ของ สธ.ต้องรับผิดชอบ ดังนั้น การโยกย้ายครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่ สธ.ทำให้เกิดความล่าช้าและเสียหายเกิดขึ้น
“เรื่องการโยกย้ายผมไม่รู้ ผมไม่ได้สั่งให้ย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวหินเพียงแต่วันที่ไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลหัวหินเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผมตำหนิทั้งปลัด และ ผอ.ว่า ทำให้งานล่าช้าเช่นนี้ได้อย่างไร และแพทย์ประจำพระองค์ ก็ได้กล่าวว่ารอมาถึง 4 รัฐมนตรี ผมเป็นรัฐมนตรีคนที่ 5 แล้ว วันก่อน (3 ก.ค.) ก็ไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าอีก ก็เห็นอยู่ด้วย ยังไม่ได้ย้ายไปไหน ส่วนการย้ายครั้งนี้ หากปลัดบอกว่า ย้ายให้มาช่วยงานก็คงเป็นไปตามนั้น เพราะหมอทุกคนกว่าจะเรียนมาได้ระดับนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีความสามารถอยู่แล้ว เพียงแต่งานบางอย่างเหมาะกับคนบางคน และงานบางอย่างก็เหมาะกับเฉพาะบางคน อย่างไรก็ดี ไม่เชื่อว่าคนเป็นผอ.จะปฏิเสธความรับผิดในครั้งนี้ได้ เพราะเป็นเจ้าของสถานที่อย่างไร ก็ต้องรับผิดชอบ” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณี นพ.ศิริวัฒน์ ฟ้องศาลปกครอง ตนไม่มีความคิดเห็น เป็นสิทธิ์ของท่าน เป็นเรื่องธรรมดาที่หากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ต้องฟ้องร้องต่อศาล ตนไม่อยากพูดอะไรมาก
ด้านนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ. กล่าวว่า สำหรับการโยกย้ายข้าราชการครั้งนี้ ถือเป็นการย้ายเพื่อมาช่วยราชการสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ช่วยปลัดและรองปลัด ซึ่งไม่เพียงแต่ นพ.ไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์ เท่านั้น ยังมีการโยกย้ายสาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาลอื่นอีกรวมเป็น 6 คน ได้แก่ นครสวรรค์ มหาสารคาม นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา ประจวบคีรีขันธ์ และภูเก็ต ส่วนผู้ที่จะมาแทน ผอ.โรงพยาบาลหัวหินคือ ผอ.โรงพยาบาลอ่างทอง ซึ่งสามรรถที่จะดำเนินการต่อได้ทันทีไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
นพ.ปราชญ์ กล่าวว่าต่อว่า แม้ว่า นายไชยา จะระบุว่า เป็นความรับผิดชอบของสธ.และการโยกย้ายครั้งนี้เป็นการแสดงความรับผิดชอบ แต่ตนเองได้ลงนามคำสั่งโยกย้ายด้วยตนเอง ซึ่งยืนยันว่าเหตุผลไม่เกี่ยวข้องกันกับการก่อสร้างหอผู้ป่วยวิกฤตหัวใจหรือเกี่ยวกับนายไชยาแต่อย่างใด แต่เนื่องจากตนเคยเสนอขอตำแหน่งผู้ช่วยปลัดสธ.ไปที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แล้ว แต่ไม่ได้รับอนุมัติ จึงต้องย้ายคนเก่งมาช่วยทำงาน และคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าวเพิ่งลงนามเมื่อวันที่ 3 ก.ค.นี้ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับนายไชยาสั่งการ
“ผมเหนื่อยเลยต้องหาคนมาช่วยงานเพิ่ม รวมทั้งช่วยรองปลัดด้วย ซึ่งโครงการใหญ่ต่อจากนี้ ตั้งใจจะกว้างล้างวัณโรค อย่านำเรื่องย้าย ผอ.รพ.หัวหิน ไปเชื่อมโยงกับการก่อสร้างเลย ต้องให้ความเป็นธรรมคุณหมอด้วย ส่วนเรื่องนพ.ศิริวัฒน์ ฟ้องศาลปกครองนั้น ไม่รู้ ไม่อยากพูดถึง แค่อยากถามว่า ก่อนเป็นเลขาฯ อย.นพ.ศิริวัฒน์ มาจากไหน ทำไมไม่มีใครพูดถึง”นพ.ปราชญ์ กล่าว
ขณะที่ นพ.ไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวหิน กล่าวว่า ยังไม่ได้รับคำสั่งดังกล่าว ทั้งนี้ ความล่าช้าในการก่อสร้างหอผู้ป่วยวิกฤตโรคหัวใจเกิดขึ้นก่อนที่ตนเองเข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่ปี พ.ค.2549 ซึ่งภายหลังจากที่เข้ามาทำงานก็รีบแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งการส่งมอบพื้นที่เพื่อให้ก่อสร้างต่อได้
ส่วนข้อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังจากได้รับคำสั่งแล้ว หากเหตุผลที่โยกย้ายไม่เหมาะสมจะฟ้องร้องต่อศาลปกครองหรือไม่ นพ.ไชยนันท์ กล่าวว่า ต้องดูคำสั่งอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
