“ไชยา” ลั่นไม่ยอม อุทธรณ์คำสั่งแน่นอน ด้าน “หมอวิชัย” เริ่มงานแรกเรียกประชุมบอร์ด 30 มิ.ย.นี้ ด้านขณะที่ “ถิรชัย” ยันขึ้นกับอยู่ฝ่ายการเมืองจัดการ เอ็นจีโอยกเป็นข้อดีปฏิรูปบอร์ดรัฐวิสาหกิจ
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีศาลปกครองมีคำสั่งให้คุ้มครองบอร์ดองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ชุดเก่าให้ทำงานต่อนั้น นายไชยากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนยังไม่ทราบผลการตัดสินของศาลปกครองว่าเป็นอย่างไร แต่หากตัดสินให้คุ้มครองชั่วคราวบอร์ด อภ.คงต้องดำเนินการอุทธรณ์ต่ออย่างแน่นอน
ด้าน นายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คงต้องปรึกษาหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งโดยส่วนตัวเมื่อเห็นคำตัดสินของศาลปกครองแล้วไม่เห็นด้วย เนื่องจากนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ปฏิบัติตามกรอบหน้าที่ ซึ่งรัฐมนตรีมีอำนาจที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเปลี่ยนบอร์ดอภ.ใหม่ได้
“คงต้องกลับมาพิจารณาว่าที่ผ่านมามีกรณีเดียวกันนี้เกิดขึ้นบ้างหรือไม่ ซึ่งหากมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน คงต้องดูว่า คำวินิจฉัยศาลปกครองที่มีคำสั่งให้คุ้มครองบอร์ดชั่วคราวมีมากน้อยอย่างไร มีเหตุผลใด ที่ทำให้ผลออกมาเช่นนั้น ทั้งนี้ มีความเคารพในคำตัดสินของศาลแต่เมื่อคดียังไม่สิ้นสุดก็เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่จะต้องดำเนินต่อไป” นายสุพจน์กล่าว
นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานคณะกรรมการบริหาร อภ.กล่าวว่า เมื่อได้รับแจ้งผลคำพิพากษาของศาลปกครอง ที่มีการตัดสินคุ้มครองชั่วคราวให้กับบอร์ด อภ.ชุดเก่าแลละศึกษาเนื้อหาในคำสั่งแล้ว เท่ากับมีผลทำให้บอร์ด อภ.ชุดที่มีนายถิรชัย วุฒิธรรม เป็นประธานต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยทันที เพื่อให้บอร์ดชุดตนเองเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ทั้งนี้ฝ่ายจำเลยได้แก่ นายไชยา สะสมทรัพย์ และคณะรัฐมนตรีทั้งหมดนั้นสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน ตามระเบียบศาลปกครอง ข้อที่ 74(3) ซึ่งตนมั่นใจว่าไม่มีทางที่คำตัดสินจะพลิกกลับมาได้ เนื่องจากรายละเอียดและเหตุผลมีความชัดแจนอยู่แล้ว
“งานแรกผมจะเรียกประชุมบอร์ดชุดเก่าทั้งหมดในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เพื่อหารือวางแผนในการทำงานให้ต่อเนื่องไป และจะมุ่งเน้นให้อภ.เป็นองค์กรที่เข้มแข็ง พร้อมกับเร่งดำเนินการงานที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะการนำเข้ายารักษาโรคมะเร็งปอดและเต้านม โดซีแท็กเซลที่ได้ประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร(ซีแอล)จากประเทศอินเดีย” นพ.วิชัย กล่าว
นายถิรชัย วุฒิธรรม ประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบผลคำพิพากษาของศาลปกครอง ทั้งนี้จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้นคงต้องเป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครอง ซึ่งยังไม่ทราบ อย่างไรก็ตามตนเองได้รับการแต่งตั้งให้มาทำงานตามมติคณะรัฐมนตรี ดังนั้นคงต้องรอให้ฝ่ายการเมืองเป็นผู้สรุปว่าจะให้ตนทำอย่างไรต่อไป
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีมากที่ศาลให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว เพราะความเหมาะสมของผู้มาดำรงตำแหน่งบอร์ดของรัฐวิสาหกิจนั้นถือว่าเป็นความสำคัญ ทั้งนี้ถือว่าเป็นทิศทางที่ดีสำหรับการบริหารรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล ที่ใช้ผลงาน และประสบการณ์ในการบริหารงานของบอร์ดเป็นเครื่องตัดสินเป็นเครื่องถ่วงดุล แทนที่จะเป็นวิธีการเปลี่ยนรัฐบาลต้องเปลี่ยนบอร์ดรัฐวิสาหกิจ
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ในสังคมโดยรวมที่มีความคืบหน้าในการบริหารงานรัฐวิสาหกิจ และถือว่าเป็นการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจที่สำคัญด้วย เพราะการบริหารงานองค์กรเหล่านี้ควรยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ไม่ควรเป็นเครื่องมือทางการเมือง
“นอกจากนี้ ในเครือข่ายผู้บริโภคอยากผลักดันให้มีฝ่ายนักวิชาการและภาคประชาชนที่ไม่มีผลประโยชน์ เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นหนึ่งในบอร์ดของรัฐวิสาหกิจต่างๆ และคำพิพากษาของศาลดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีทำให้กระบวนการแบบเดิมที่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลต้องเปลี่ยนบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เป็นการทำงานตามผลงานประสบการณ์ ซึ่งจะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน”น.ส.สารี กล่าว
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีศาลปกครองมีคำสั่งให้คุ้มครองบอร์ดองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ชุดเก่าให้ทำงานต่อนั้น นายไชยากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนยังไม่ทราบผลการตัดสินของศาลปกครองว่าเป็นอย่างไร แต่หากตัดสินให้คุ้มครองชั่วคราวบอร์ด อภ.คงต้องดำเนินการอุทธรณ์ต่ออย่างแน่นอน
ด้าน นายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คงต้องปรึกษาหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งโดยส่วนตัวเมื่อเห็นคำตัดสินของศาลปกครองแล้วไม่เห็นด้วย เนื่องจากนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ปฏิบัติตามกรอบหน้าที่ ซึ่งรัฐมนตรีมีอำนาจที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเปลี่ยนบอร์ดอภ.ใหม่ได้
“คงต้องกลับมาพิจารณาว่าที่ผ่านมามีกรณีเดียวกันนี้เกิดขึ้นบ้างหรือไม่ ซึ่งหากมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน คงต้องดูว่า คำวินิจฉัยศาลปกครองที่มีคำสั่งให้คุ้มครองบอร์ดชั่วคราวมีมากน้อยอย่างไร มีเหตุผลใด ที่ทำให้ผลออกมาเช่นนั้น ทั้งนี้ มีความเคารพในคำตัดสินของศาลแต่เมื่อคดียังไม่สิ้นสุดก็เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่จะต้องดำเนินต่อไป” นายสุพจน์กล่าว
นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานคณะกรรมการบริหาร อภ.กล่าวว่า เมื่อได้รับแจ้งผลคำพิพากษาของศาลปกครอง ที่มีการตัดสินคุ้มครองชั่วคราวให้กับบอร์ด อภ.ชุดเก่าแลละศึกษาเนื้อหาในคำสั่งแล้ว เท่ากับมีผลทำให้บอร์ด อภ.ชุดที่มีนายถิรชัย วุฒิธรรม เป็นประธานต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยทันที เพื่อให้บอร์ดชุดตนเองเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ทั้งนี้ฝ่ายจำเลยได้แก่ นายไชยา สะสมทรัพย์ และคณะรัฐมนตรีทั้งหมดนั้นสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน ตามระเบียบศาลปกครอง ข้อที่ 74(3) ซึ่งตนมั่นใจว่าไม่มีทางที่คำตัดสินจะพลิกกลับมาได้ เนื่องจากรายละเอียดและเหตุผลมีความชัดแจนอยู่แล้ว
“งานแรกผมจะเรียกประชุมบอร์ดชุดเก่าทั้งหมดในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เพื่อหารือวางแผนในการทำงานให้ต่อเนื่องไป และจะมุ่งเน้นให้อภ.เป็นองค์กรที่เข้มแข็ง พร้อมกับเร่งดำเนินการงานที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะการนำเข้ายารักษาโรคมะเร็งปอดและเต้านม โดซีแท็กเซลที่ได้ประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร(ซีแอล)จากประเทศอินเดีย” นพ.วิชัย กล่าว
นายถิรชัย วุฒิธรรม ประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบผลคำพิพากษาของศาลปกครอง ทั้งนี้จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้นคงต้องเป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครอง ซึ่งยังไม่ทราบ อย่างไรก็ตามตนเองได้รับการแต่งตั้งให้มาทำงานตามมติคณะรัฐมนตรี ดังนั้นคงต้องรอให้ฝ่ายการเมืองเป็นผู้สรุปว่าจะให้ตนทำอย่างไรต่อไป
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีมากที่ศาลให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว เพราะความเหมาะสมของผู้มาดำรงตำแหน่งบอร์ดของรัฐวิสาหกิจนั้นถือว่าเป็นความสำคัญ ทั้งนี้ถือว่าเป็นทิศทางที่ดีสำหรับการบริหารรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล ที่ใช้ผลงาน และประสบการณ์ในการบริหารงานของบอร์ดเป็นเครื่องตัดสินเป็นเครื่องถ่วงดุล แทนที่จะเป็นวิธีการเปลี่ยนรัฐบาลต้องเปลี่ยนบอร์ดรัฐวิสาหกิจ
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ในสังคมโดยรวมที่มีความคืบหน้าในการบริหารงานรัฐวิสาหกิจ และถือว่าเป็นการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจที่สำคัญด้วย เพราะการบริหารงานองค์กรเหล่านี้ควรยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ไม่ควรเป็นเครื่องมือทางการเมือง
“นอกจากนี้ ในเครือข่ายผู้บริโภคอยากผลักดันให้มีฝ่ายนักวิชาการและภาคประชาชนที่ไม่มีผลประโยชน์ เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นหนึ่งในบอร์ดของรัฐวิสาหกิจต่างๆ และคำพิพากษาของศาลดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีทำให้กระบวนการแบบเดิมที่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลต้องเปลี่ยนบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เป็นการทำงานตามผลงานประสบการณ์ ซึ่งจะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน”น.ส.สารี กล่าว
