“ดร.เสรี วงษ์มณฑา” เดินทางลงนามคัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร และเปิดแถลงข่าวเพื่อความชัดเจนว่า การลงนามคัดค้านในครั้งนี้ต้องการให้รัฐบาล ยูเนสโก และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลรายละเอียดให้ชัดเจนและแจ้งแก่ประชาชนก่อน ทั้งในเรื่องของเขตแดนและประวัติศาสตร์ เผยถ้ายังไม่ขึ้นทะเบียน 2 ก.ค.นี้ก็ยังไม่ถือว่าคอขาดบาดตาย วอนอย่าโยงประเด็นนี้กับการเมือง เพราะไม่ต้องการก่อให้เกิดการแบ่งขั้วอำนาจอีก
วันนี้ (25 มิ.ย.) เวลาประมาณ 16.40 น. ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักพูด นักวิชาการ อาจารย์ และพิธิกรชื่อดัง เดินทางมายังสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อลงนามคัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารของประเทศกัมพูชา โดยภายหลังการลงนาม ดร.เสรีได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงการลงนามดังกล่าว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังดร.เสรี วงษ์มณฑา ให้สัมภาษณ์
“เรื่องนี้ไม่ใช่การคลั่งชาติ แต่เป็นเพราะสมัยเด็กๆ จำได้ว่าตอนนั้นเด็กมาก ก็ได้ไปร่วมเดินขบวน และร่วมบริจาค 1 บาท เป็นค่าทนายศาลโลก แล้วหลังจากนั้นพอศาลตัดสิน เราก็รับรู้ว่า ทางขึ้นอยู่ฝั่งไทย แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าเราฟังประวัติศาสตร์ เราฟังนักไทยคดี เราฟังข้อมูลต่างๆ มันก็ยังสับสน ไม่ชัดเจน”
ดร.เสรี กล่าวต่อไปว่า เมื่อเกิดความไม่ชัดเจน ไม่เข้าใจ และประชาชนยังสับสนอยู่เช่นนี้ ปัญหาความไม่ชัดเจนที่ยังคงปรากฏอยู่หลายประการ ทั้งเรื่องของพื้นที่ทับซ้อน เรื่องของเขตแดน ที่นักวิชาการหลายคนก็ให้ข้อมูลต่างกันว่าถ้าขึ้นทะเบียนแล้วเราจะเสียดินแดนฝั่งเราไปเท่าไหร่ จึงอยากวอนไปถึงรัฐบาลว่า ขอให้ชะลอการขึ้นทะเบียน 2 ก.ค.นี้
“ขอว่าอย่าเพิ่งได้ไหม ในเมื่อยังมีความไม่ชัดเจนอยู่มาก ทั้งด้านประวัติศาสตร์และเรื่องของแขตแดน การชะลอการขึ้นทะเบียนไม่ได้มีอะไรเสียหาย และการขึ้นทะเบียนให้ทัน 2 ก.ค.นี้ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงชนิดที่หากไม่ได้ขึ้นในวันนั้นจะคอขาดบาดตาย เพราะหากว่าประชาชนยังไม่รู้ ข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน ไม่อยากจะให้เกิดเหตุที่ ไม่ชัดเจน แต่ก็ยอมให้เขาไป เพราะหากวันหนึ่งเราพบหลักฐาน พบข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าจริงๆ มันเป็นของเรา อ้อยมันเข้าปากช้างไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้”
ดร.เสรี กล่าวอีกว่า ในส่วนที่ตนเองออกมาลงนามคัดค้านในครั้งนี้ ไม่ได้หวังเพื่อจะคัดค้านอย่างรุนแรง เพียงขอวอนให้รัฐบาล และยูเนสโก้ ทำความไม่ชัดเจนที่มีอยู่ในขณะนี้ เกิดความชัดเจนเสียก่อน
“คือให้รู้ไปเลยว่าตรงนี้มันมีหลักฐานว่าเป็นพื้นที่ร่วมกัน เราก็ขึ้นทะเบียนร่วมกันไป แต่ถ้ามันไม่ใช่ มันเกิดมีหลักฐานว่าเป็นของเขา ก็จะได้ให้เขาทำไปด้วยความชัดเจน ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ให้กังวลอีก”
อย่างไรก็ตาม ดร.เสรีปฏิเสธอย่างแข็งขันต่อข้อซักถามเกี่ยวกับการออกมาลงนามในครั้งนี้ กับความเกี่ยวเนื่องกับทางพรรคชาติไทยว่าทางพรรครู้เรื่องหรือไม่ และคิดเห็นอย่างไร
“ขอร้องว่าอย่าเอาประเด็นนี้ไปเกี่ยวกับการเมือง ทางพรรคชาติไทยก็ไม่รู้ และการลงนามในครั้งนี้ก็ไม่มีผลกับพรรคใดๆ ทั้งสิ้น มาในนามของประชาชนที่อยากขอให้รัฐบาลชะลอการขึ้นทะเบียนครั้งนี้เท่านั้น อย่าเอาไปเกี่ยวกับการเมือ เพราะเรามีฝ่ายค้าน มีประชาธิปัตย์ มีพันธมิตร ไว้ตรวจสอบงานของรัฐบาลอยู่แล้ว ปล่อยให้หน้าที่เหล่านั้นเป็นไปเพียงในรัฐบาลโดยพรรคฝ่ายค้าน เพราะถ้าเอาเรื่องการลงนามมาเกี่ยวกับการเมือง มันจะกลายเป็นการแบ่งขั้วทางการเมืองทันที”
นอกจากนี้ ดร.เสรียังเรียกร้องไปยังประชาชนชาวไทย ตลอดจนนักวิชาการ ข้าราชการ และประชาชนจากทุกภาคส่วนอาชีพให้ออกมาแสดงความเห็นเรียกร้องไปยังรัฐบาลเพื่อให้ชะลอการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารด้วย
“จะบอกว่าเมื่อเช้านี้พี่ตื่นมาดูรายการเล่าข่าวตอนเช้า ก็เห็นทั้งภาคประชาชน ส.ว. บุคคลระดับผู้นำ ราชนิกูล และส่วนต่างๆ ต่างก็ออกมายื่นหนังสือขอคัดค้าน แล้วก็เห็นข่าวของไทยคดีก็เปิดลงนาม พี่ก็โทร.ไปเลย 1133 ถามบั๊ค ขอเบอร์ไทยคดี ก็ติดต่อมา ขอมาลงนาม แล้วในรายชื่อที่มาลงนามนั้น มีจำนวนมาก ที่เราเชื่อถือได้ ที่อ.เสรีเคารพในความรู้ ความสามารถ และความซื่อสัตย์สุจริตในการทำงานของท่านเหล่านั้น หนึ่งในนั้นก็คือศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ ที่ท่านเคยเป็นคณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่อ.เสรียังเป็นนักศึกษาอยู่ก็อยากจะเรียกร้องไปยังคนไทยทุกคนที่มีตัวตนในภาคส่วนต่างๆ ทั้งนักวิชาการ อาจารย์ นักประวัติศาสตร์ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เคยไปเที่ยวเขาพระวิหาร ไกด์มักกุเทศก์ที่เชี่ยวชาญและมีความรู้เกี่ยวกับประวัติเขาพระวิหาร แสดงความเห็น ลงนาม ส่งจดหมาย แสดงให้รัฐบาลเห็นว่าเรายังสงสัย มันยังมีความไม่ชัดเจนอีกมาก เราไม่อยากนอนหลับไปด้วยความสงสัยที่ยังไม่ชัดเจน”ดร.เสรี กล่าว
ด้าน มล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ จากไทยคดีศึกษา ระบุว่า การตั้งโต๊ะลงนามของไทยคดีศึกษาเพื่อคัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้นจะตั้งจนถึงวันพรุ่งนี้ (26) จนถึงเวลา 18.00 น. ที่อาคารเอนกประสงค์ ชั้น 9 สถาบันไทยคดีศึกษา โดยล่าสุดได้ทำเรื่องขอใช้พื้นที่ตั้งโต๊ะบริเวณลานโพธิ์ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากทางมหาวิทยาลัย
และที่เปิดให้ลงนามเพียงสองวันก็เพราะจะรีบนำรายชื่อทั้งหมดไปยื่นต่อยูเนสโกไทยในวันศุกร์นี้ (27 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. ซึ่งก็ได้ประสานไปยังยูเนสโกไทยแล้ว แต่ก็ได้รับคำตอบว่า ขณะนี้ไม่มีระดับผู้ใหญ่อยู่ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก็จะยื่นกับตัวแทนที่ออกมารับ แต่ทางยูเนสโกไทยกล่าวปัดว่า อำนาจการพิจารณาเรื่องการคัดค้านอยู่ที่ยูเนสโกกลาง โดย ดร.เสรีกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า
“ตอนนี้เขาคงมองว่าเรื่องนี้เป็นเผือกร้อน ก็ไม่มีใครอยากรับ แต่ไม่เป็นไร ไม่ได้ยื่นกับระดับผู้ใหญ่ก็ไม่เป็นไร ก็ยื่นให้ตัวแทน แต่ก็ขอให้ตัวแทนยูเนสโกไทยรับผิดชอบดำเนินการส่งเรื่องต่อไปยังผู้ที่รับผิดชอบอย่างเหมาะสมและทันเวลา ส่วนจะให้ไปยื่นถึงยูเนสโก้คงไม่ทัน”
วันนี้ (25 มิ.ย.) เวลาประมาณ 16.40 น. ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักพูด นักวิชาการ อาจารย์ และพิธิกรชื่อดัง เดินทางมายังสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อลงนามคัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารของประเทศกัมพูชา โดยภายหลังการลงนาม ดร.เสรีได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงการลงนามดังกล่าว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังดร.เสรี วงษ์มณฑา ให้สัมภาษณ์
“เรื่องนี้ไม่ใช่การคลั่งชาติ แต่เป็นเพราะสมัยเด็กๆ จำได้ว่าตอนนั้นเด็กมาก ก็ได้ไปร่วมเดินขบวน และร่วมบริจาค 1 บาท เป็นค่าทนายศาลโลก แล้วหลังจากนั้นพอศาลตัดสิน เราก็รับรู้ว่า ทางขึ้นอยู่ฝั่งไทย แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าเราฟังประวัติศาสตร์ เราฟังนักไทยคดี เราฟังข้อมูลต่างๆ มันก็ยังสับสน ไม่ชัดเจน”
ดร.เสรี กล่าวต่อไปว่า เมื่อเกิดความไม่ชัดเจน ไม่เข้าใจ และประชาชนยังสับสนอยู่เช่นนี้ ปัญหาความไม่ชัดเจนที่ยังคงปรากฏอยู่หลายประการ ทั้งเรื่องของพื้นที่ทับซ้อน เรื่องของเขตแดน ที่นักวิชาการหลายคนก็ให้ข้อมูลต่างกันว่าถ้าขึ้นทะเบียนแล้วเราจะเสียดินแดนฝั่งเราไปเท่าไหร่ จึงอยากวอนไปถึงรัฐบาลว่า ขอให้ชะลอการขึ้นทะเบียน 2 ก.ค.นี้
“ขอว่าอย่าเพิ่งได้ไหม ในเมื่อยังมีความไม่ชัดเจนอยู่มาก ทั้งด้านประวัติศาสตร์และเรื่องของแขตแดน การชะลอการขึ้นทะเบียนไม่ได้มีอะไรเสียหาย และการขึ้นทะเบียนให้ทัน 2 ก.ค.นี้ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงชนิดที่หากไม่ได้ขึ้นในวันนั้นจะคอขาดบาดตาย เพราะหากว่าประชาชนยังไม่รู้ ข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน ไม่อยากจะให้เกิดเหตุที่ ไม่ชัดเจน แต่ก็ยอมให้เขาไป เพราะหากวันหนึ่งเราพบหลักฐาน พบข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าจริงๆ มันเป็นของเรา อ้อยมันเข้าปากช้างไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้”
ดร.เสรี กล่าวอีกว่า ในส่วนที่ตนเองออกมาลงนามคัดค้านในครั้งนี้ ไม่ได้หวังเพื่อจะคัดค้านอย่างรุนแรง เพียงขอวอนให้รัฐบาล และยูเนสโก้ ทำความไม่ชัดเจนที่มีอยู่ในขณะนี้ เกิดความชัดเจนเสียก่อน
“คือให้รู้ไปเลยว่าตรงนี้มันมีหลักฐานว่าเป็นพื้นที่ร่วมกัน เราก็ขึ้นทะเบียนร่วมกันไป แต่ถ้ามันไม่ใช่ มันเกิดมีหลักฐานว่าเป็นของเขา ก็จะได้ให้เขาทำไปด้วยความชัดเจน ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ให้กังวลอีก”
อย่างไรก็ตาม ดร.เสรีปฏิเสธอย่างแข็งขันต่อข้อซักถามเกี่ยวกับการออกมาลงนามในครั้งนี้ กับความเกี่ยวเนื่องกับทางพรรคชาติไทยว่าทางพรรครู้เรื่องหรือไม่ และคิดเห็นอย่างไร
“ขอร้องว่าอย่าเอาประเด็นนี้ไปเกี่ยวกับการเมือง ทางพรรคชาติไทยก็ไม่รู้ และการลงนามในครั้งนี้ก็ไม่มีผลกับพรรคใดๆ ทั้งสิ้น มาในนามของประชาชนที่อยากขอให้รัฐบาลชะลอการขึ้นทะเบียนครั้งนี้เท่านั้น อย่าเอาไปเกี่ยวกับการเมือ เพราะเรามีฝ่ายค้าน มีประชาธิปัตย์ มีพันธมิตร ไว้ตรวจสอบงานของรัฐบาลอยู่แล้ว ปล่อยให้หน้าที่เหล่านั้นเป็นไปเพียงในรัฐบาลโดยพรรคฝ่ายค้าน เพราะถ้าเอาเรื่องการลงนามมาเกี่ยวกับการเมือง มันจะกลายเป็นการแบ่งขั้วทางการเมืองทันที”
นอกจากนี้ ดร.เสรียังเรียกร้องไปยังประชาชนชาวไทย ตลอดจนนักวิชาการ ข้าราชการ และประชาชนจากทุกภาคส่วนอาชีพให้ออกมาแสดงความเห็นเรียกร้องไปยังรัฐบาลเพื่อให้ชะลอการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารด้วย
“จะบอกว่าเมื่อเช้านี้พี่ตื่นมาดูรายการเล่าข่าวตอนเช้า ก็เห็นทั้งภาคประชาชน ส.ว. บุคคลระดับผู้นำ ราชนิกูล และส่วนต่างๆ ต่างก็ออกมายื่นหนังสือขอคัดค้าน แล้วก็เห็นข่าวของไทยคดีก็เปิดลงนาม พี่ก็โทร.ไปเลย 1133 ถามบั๊ค ขอเบอร์ไทยคดี ก็ติดต่อมา ขอมาลงนาม แล้วในรายชื่อที่มาลงนามนั้น มีจำนวนมาก ที่เราเชื่อถือได้ ที่อ.เสรีเคารพในความรู้ ความสามารถ และความซื่อสัตย์สุจริตในการทำงานของท่านเหล่านั้น หนึ่งในนั้นก็คือศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ ที่ท่านเคยเป็นคณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่อ.เสรียังเป็นนักศึกษาอยู่ก็อยากจะเรียกร้องไปยังคนไทยทุกคนที่มีตัวตนในภาคส่วนต่างๆ ทั้งนักวิชาการ อาจารย์ นักประวัติศาสตร์ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เคยไปเที่ยวเขาพระวิหาร ไกด์มักกุเทศก์ที่เชี่ยวชาญและมีความรู้เกี่ยวกับประวัติเขาพระวิหาร แสดงความเห็น ลงนาม ส่งจดหมาย แสดงให้รัฐบาลเห็นว่าเรายังสงสัย มันยังมีความไม่ชัดเจนอีกมาก เราไม่อยากนอนหลับไปด้วยความสงสัยที่ยังไม่ชัดเจน”ดร.เสรี กล่าว
ด้าน มล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ จากไทยคดีศึกษา ระบุว่า การตั้งโต๊ะลงนามของไทยคดีศึกษาเพื่อคัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้นจะตั้งจนถึงวันพรุ่งนี้ (26) จนถึงเวลา 18.00 น. ที่อาคารเอนกประสงค์ ชั้น 9 สถาบันไทยคดีศึกษา โดยล่าสุดได้ทำเรื่องขอใช้พื้นที่ตั้งโต๊ะบริเวณลานโพธิ์ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากทางมหาวิทยาลัย
และที่เปิดให้ลงนามเพียงสองวันก็เพราะจะรีบนำรายชื่อทั้งหมดไปยื่นต่อยูเนสโกไทยในวันศุกร์นี้ (27 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. ซึ่งก็ได้ประสานไปยังยูเนสโกไทยแล้ว แต่ก็ได้รับคำตอบว่า ขณะนี้ไม่มีระดับผู้ใหญ่อยู่ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก็จะยื่นกับตัวแทนที่ออกมารับ แต่ทางยูเนสโกไทยกล่าวปัดว่า อำนาจการพิจารณาเรื่องการคัดค้านอยู่ที่ยูเนสโกกลาง โดย ดร.เสรีกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า
“ตอนนี้เขาคงมองว่าเรื่องนี้เป็นเผือกร้อน ก็ไม่มีใครอยากรับ แต่ไม่เป็นไร ไม่ได้ยื่นกับระดับผู้ใหญ่ก็ไม่เป็นไร ก็ยื่นให้ตัวแทน แต่ก็ขอให้ตัวแทนยูเนสโกไทยรับผิดชอบดำเนินการส่งเรื่องต่อไปยังผู้ที่รับผิดชอบอย่างเหมาะสมและทันเวลา ส่วนจะให้ไปยื่นถึงยูเนสโก้คงไม่ทัน”