เลขา สช.ส่งหนังสือเวียนถึงผู้บริการโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ ระบุลูกจ้างโรงเรียนเอกชนที่ไม่ใช่บุคลากรทางการศึกษา ให้ใช้สิทธิประกันสังคมรักษา
นายสำรวม พฤกษ์เสถียร ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) กล่าวว่า สืบเนื่องมาจาก พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน 2550 ได้กำหนดให้ครูต้องเข้ากองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน แต่ครูส่วนใหญ่ไม่อยากเข้ากองทุนสงเคราะห์ กลับต้องการใช้สิทธิประกันสังคมที่ตนเองมีอยู่ ด้วยเหตุนี้ ตนจึงได้หารือกับสำนักงานประกันสังคม ในเบื้องต้น สช.หาวิธีการดำเนินการ โดยให้ทั้ง 2 ฝ่ายให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทาง สช.ได้ออกหนังสือเวียน ที่ ศธ. 0211.4 วันที่ 19 มิ.ย. 51 เรื่องซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทดแทน จากกองทุนประกันสังคม สำหรับผู้ปฏิบัติงานบางประเภทในโรงเรียนเอกชน ไปยังนายกสมาคมที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนเอกชน เพื่อย้ำให้ผู้มีสิทธิ์ทราบว่าผู้มีสิทธิ์ยังคงใช้สิทธิประกันสังคมได้อย่างต่อเนื่อง
หนังสือเวียนฉบับดังกล่าว มีใจความดังนี้ ตามที่ พ.ร.บ โรงเรียนเอกชน 2550 ส่วนที่ 6 การคุ้มครองการทำงาน มาตรา 86 กำหนดให้กิจกรรมของโรงเรียนในระบบไม่อยู่ภายการบังคับกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมและกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทนประกอบกับมาตรา 127 แห่งพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน 2550 กำหนดให้นำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับแก่โรงเรียนนอกระบบโดยอนุโลม ทำให้กิจการของโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบ ไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยกาประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน มีผลทำให้ผู้ปฏิบัติงานของโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบที่เคยส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมไม่สามารถส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมได้นั้น สช.พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อผู้ปฏิบัติงานในฐานะลูกจ้างของโรงเรียนที่ไม่ได้เป็นบุคลากรทางการศึกษายังคงสามารถส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม และคงสิทธิประโยชน์ทดแทนจากกองทุนประกันสังคมได้อย่างต่อเนื่อง
นายสำรวม กล่าวว่า กรณีที่1.ผู้ปฏิบัติงานในฐานะลูกจ้างของโรงเรียนเอกชนที่เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แห่งพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงตามพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 ให้แสดงความจำนงจะเป็นผู้ประกันตนต่อไปกับสำนักงานประกันสังคม ภายในวันที่ 30 มิ.ย.2551 เพื่อเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.ประกันสังคม(ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2537
กรณีที่ 2 ผู้ปฏิบัติงานในฐานะลูกจ้างของโรงเรียนเอกชนที่ส่งเงินสมทบครบตามเงื่อนไขกำหนด แต่ส่งเงินสมทบไม่ครบ 12 เดือนและความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงตามพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 จะได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีประสบภัยอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน และกรณีทุพพลภาพ เมื่อส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน กรณีคลอดบุตร เมื่อส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 เดือนและกรณีตายเมือจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน โดยผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิต่อเนื่องตาม พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ. 2533 กำหนด
นายสำรวม พฤกษ์เสถียร ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) กล่าวว่า สืบเนื่องมาจาก พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน 2550 ได้กำหนดให้ครูต้องเข้ากองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน แต่ครูส่วนใหญ่ไม่อยากเข้ากองทุนสงเคราะห์ กลับต้องการใช้สิทธิประกันสังคมที่ตนเองมีอยู่ ด้วยเหตุนี้ ตนจึงได้หารือกับสำนักงานประกันสังคม ในเบื้องต้น สช.หาวิธีการดำเนินการ โดยให้ทั้ง 2 ฝ่ายให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทาง สช.ได้ออกหนังสือเวียน ที่ ศธ. 0211.4 วันที่ 19 มิ.ย. 51 เรื่องซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทดแทน จากกองทุนประกันสังคม สำหรับผู้ปฏิบัติงานบางประเภทในโรงเรียนเอกชน ไปยังนายกสมาคมที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนเอกชน เพื่อย้ำให้ผู้มีสิทธิ์ทราบว่าผู้มีสิทธิ์ยังคงใช้สิทธิประกันสังคมได้อย่างต่อเนื่อง
หนังสือเวียนฉบับดังกล่าว มีใจความดังนี้ ตามที่ พ.ร.บ โรงเรียนเอกชน 2550 ส่วนที่ 6 การคุ้มครองการทำงาน มาตรา 86 กำหนดให้กิจกรรมของโรงเรียนในระบบไม่อยู่ภายการบังคับกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมและกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทนประกอบกับมาตรา 127 แห่งพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน 2550 กำหนดให้นำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับแก่โรงเรียนนอกระบบโดยอนุโลม ทำให้กิจการของโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบ ไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยกาประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน มีผลทำให้ผู้ปฏิบัติงานของโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบที่เคยส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมไม่สามารถส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมได้นั้น สช.พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อผู้ปฏิบัติงานในฐานะลูกจ้างของโรงเรียนที่ไม่ได้เป็นบุคลากรทางการศึกษายังคงสามารถส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม และคงสิทธิประโยชน์ทดแทนจากกองทุนประกันสังคมได้อย่างต่อเนื่อง
นายสำรวม กล่าวว่า กรณีที่1.ผู้ปฏิบัติงานในฐานะลูกจ้างของโรงเรียนเอกชนที่เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แห่งพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงตามพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 ให้แสดงความจำนงจะเป็นผู้ประกันตนต่อไปกับสำนักงานประกันสังคม ภายในวันที่ 30 มิ.ย.2551 เพื่อเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.ประกันสังคม(ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2537
กรณีที่ 2 ผู้ปฏิบัติงานในฐานะลูกจ้างของโรงเรียนเอกชนที่ส่งเงินสมทบครบตามเงื่อนไขกำหนด แต่ส่งเงินสมทบไม่ครบ 12 เดือนและความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงตามพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 จะได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีประสบภัยอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน และกรณีทุพพลภาพ เมื่อส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน กรณีคลอดบุตร เมื่อส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 เดือนและกรณีตายเมือจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน โดยผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิต่อเนื่องตาม พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ. 2533 กำหนด
