คน กทม.ตื่นตัวใช้ชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เปิดบัญชีเงินออมกว่า 2 ล้านบัญชี มียอดเงินกว่า 83,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าสานโครงการต่อถึงปลายปีนี้ และเก็บรวบรวมถวายรายงานแด่ในหลวง ขณะที่เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เผย การออมเงินจะช่วยสร้างแหล่งเงินทุนภายในประเทศไม่ต้องอาศัยทุนจากแหล่งอื่น
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ กทม.ได้จัดทำโครงการบัญชีเงินออม เพื่อชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยร่วมกับสมาคมธนาคารไทย และ 16 สถาบันการเงิน เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติและถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 21กันยายน 2550 ปรากฏว่า ใน 3 เดือนแรกมีผู้เปิดบัญชีจำนวน 1,079,605 บัญชี เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้โดยคาดว่าจะมีผู้มาฝากเงินไม่น้อยกว่า 8 แสนบัญชี ทั้งนี้ ปัจจุบันได้ดำเนินการมาเป็นเวลา 9 เดือน มียอดผู้เปิดบัญชีทั้งสิ้น 2,176,715 บัญชี มียอดเงิน 83,530 ล้านบาท ยอด ณ วันที่ 15 พ.ค.2551 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของประชาชนที่พร้อมจะดำเนินชีวิตบนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างภูมิคุ้มกันในการดำรงชีวิตด้วยการเก็บออมเพื่อความมั่นคงของตนเองและครอบครัว
โครงการบัญชีเงินออม จะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเดือนธันวาคม 2551 และจะรวบรวมยอดผู้เปิดบัญชีเงินฝากเพื่อถวายรายงานแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป
ด้าน ดร.ธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การเก็บออมเงินเป็นการสร้างความมั่งคงให้แก่สถาบันครอบครัว สังคม และเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีวินัยทางการเงิน นอกจากนี้ การออมเงินอย่างต่อเนื่องจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับตนเอง และผลจากการออมเงินของประชาชนจะส่งผลให้มีเงินออมในระดับประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างและพัฒนาประเทศชาติในด้านการลงทุนต่างๆ โดยไม่ต้องอาศัยเงินทุกจากแหล่งอื่น จึงขอเชิญชวนประชาชนสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ตนเอง และร่วมกันฝากเงินตามโครงการบัญชีเงินออม เพื่อชีวิตพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างต่อเนื่องซึ่งถือเป็นการทำความดีอย่าง่ายๆ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ กทม.ได้จัดทำโครงการบัญชีเงินออม เพื่อชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยร่วมกับสมาคมธนาคารไทย และ 16 สถาบันการเงิน เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติและถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 21กันยายน 2550 ปรากฏว่า ใน 3 เดือนแรกมีผู้เปิดบัญชีจำนวน 1,079,605 บัญชี เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้โดยคาดว่าจะมีผู้มาฝากเงินไม่น้อยกว่า 8 แสนบัญชี ทั้งนี้ ปัจจุบันได้ดำเนินการมาเป็นเวลา 9 เดือน มียอดผู้เปิดบัญชีทั้งสิ้น 2,176,715 บัญชี มียอดเงิน 83,530 ล้านบาท ยอด ณ วันที่ 15 พ.ค.2551 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของประชาชนที่พร้อมจะดำเนินชีวิตบนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างภูมิคุ้มกันในการดำรงชีวิตด้วยการเก็บออมเพื่อความมั่นคงของตนเองและครอบครัว
โครงการบัญชีเงินออม จะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเดือนธันวาคม 2551 และจะรวบรวมยอดผู้เปิดบัญชีเงินฝากเพื่อถวายรายงานแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป
ด้าน ดร.ธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การเก็บออมเงินเป็นการสร้างความมั่งคงให้แก่สถาบันครอบครัว สังคม และเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีวินัยทางการเงิน นอกจากนี้ การออมเงินอย่างต่อเนื่องจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับตนเอง และผลจากการออมเงินของประชาชนจะส่งผลให้มีเงินออมในระดับประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างและพัฒนาประเทศชาติในด้านการลงทุนต่างๆ โดยไม่ต้องอาศัยเงินทุกจากแหล่งอื่น จึงขอเชิญชวนประชาชนสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ตนเอง และร่วมกันฝากเงินตามโครงการบัญชีเงินออม เพื่อชีวิตพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างต่อเนื่องซึ่งถือเป็นการทำความดีอย่าง่ายๆ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว