สธ.โชว์ความสำเร็จของการลดการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกในเวทีประชุมผู้นำประเทศที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อแก้ไขป้องกันโรคเอดส์ ซึ่งไทยทำเป็นระบบ ลดการติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูกเหลือเพียงร้อยละ 5.6 และในปีนี้ไทยเริ่มนโยบายใช้สารเมทาโดนบำบัดผู้ติดเฮโรอีน ในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งสามารถลดการติดเชื้อเอดส์จากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน จากร้อยละ 50 เหลือร้อยละ 25
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากการนำคณะ ประกอบด้วย แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูตแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ และองค์การระหว่างประเทศอื่น ณ นครนิวยอร์ก เข้าร่วมประชุมผู้นำประเทศเรื่องปัญหาเอดส์ ซึ่งโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายน 2551 ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา โดยมีตัวแทนระดับรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม 147 ประเทศ รวมทั้งหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ เพื่อให้แต่ละประเทศได้นำเสนอผลงานและแนวทางการแก้ไขปัญหาเอดส์ที่ดำเนินการไปแล้ว และกระตุ้นเตือนให้ผู้นำประเทศเอาจริงเอาจังกับการระบาดของโรคเอดส์
สถานการณ์เอดส์ล่าสุดเมื่อปลายปี พ.ศ.2550 ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อเอดส์ 33.2 ล้านคน ร้อยละ 93 เป็นผู้ใหญ่ เสียชีวิต 2.1 ล้านคน โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละ 2.1 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 333,000 คน
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมได้กล่าวถึงบทบาทของผู้นำในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาเอดส์ในระดับประเทศ ปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมในกลุ่มผู้หญิงและเด็กในการรับบริการดูแลรักษา การบริหารงบประมาณที่ทำให้เกิดการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ที่ยั่งยืน ในส่วนของประเทศไทยได้นำเสนอความก้าวหน้าของการป้องกันแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ที่เน้นหนัก 4 เรื่อง คือ ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปัญหาการติดเชื้อเอดส์หลักๆ ของไทยร้อยละ 80 เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย การให้ยาต้านไวรัสเอดส์ในผู้ติดเชื้อเอชไอวี ขณะนี้มีผู้ป่วยได้รับยาแล้ว 180,000 ราย
การให้ยาต้านไวรัสแก่กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี เพื่อลดการติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก ซึ่งไทยทำได้ผลดีมาก จากการทำโครงการเต็มพื้นที่ในปี 2542 สามารถลดอัตราการติดเชื้อลงจากร้อยละ 30 ในปี 2534 เหลือเพียงร้อยละ 5.6 ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติให้ถ่ายทอดประสบการณ์ความสำเร็จในที่ประชุมผู้นำกว่า 30 ประเทศ ซึ่งไทยได้เน้นจุดเด่นคือมีการให้ความรู้ด้านอนามัยเจริญพันธุ์ การป้องกันการติดเชื้อ และการบริการให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่องกับหญิงตั้งครรภ์และสามี ให้ปลอดจากโรคเอดส์ด้วย
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ รัฐบาลได้อนุมัติการขยายโครงการให้เมทาโดน (Methadone) ชนิดกิน บำบัดผู้ติดเฮโรอีนทั่วประเทศซึ่งมีประมาณ 15,000 คน ในโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อเอชไอวีลงด้วย ซึ่งที่ผ่านมาจากการทดลองนำร่องในกลุ่มผู้ติดเฮโรอีน ควบคู่การให้คำปรึกษา สามารถลดการติดเชื้อเอชไอวีจากเดิมร้อยละ 50 เหลือเพียงร้อยละ 25 และรัฐไม่ต้องแจกเข็มฉีดยา นโยบายนี้จะทำให้ผู้ที่ติดเฮโรอีนเข้าสู่ระบบการบำบัดมากขึ้น โดยสามารถเข้ารับบริการได้ที่คลินิกยาเสพติดทั่วประเทศฟรี มาตรการรวมทั้งหมดนี้ จากการประเมินผลล่าสุดพบว่าไทยสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในปี 2551 เหลือจำนวน 13,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าช่วง 18 ปีก่อนถึง 10 เท่าตัว
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า สำหรับในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดมาตรการเร่งรัดการดำเนินการป้องกันการติดเชื้อเอดส์ โดยส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มผู้ติดเชื้อ กลุ่มชายรักชาย กลุ่มผู้ให้และผู้ใช้บริการทางเพศ กลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มเสี่ยงอื่นๆให้มากขึ้น สนับสนุนการมีอาสาสมัครผู้ติดเชื้อที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้ติดเชื้อด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ให้มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความรู้ประชาชนทั่วไป รวมทั้งมีมาตรการอื่นๆ สู่กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เพื่อที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ลงให้เหลือประมาณ 6,000 ราย ภายในปี 2553
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากการนำคณะ ประกอบด้วย แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูตแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ และองค์การระหว่างประเทศอื่น ณ นครนิวยอร์ก เข้าร่วมประชุมผู้นำประเทศเรื่องปัญหาเอดส์ ซึ่งโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายน 2551 ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา โดยมีตัวแทนระดับรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม 147 ประเทศ รวมทั้งหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ เพื่อให้แต่ละประเทศได้นำเสนอผลงานและแนวทางการแก้ไขปัญหาเอดส์ที่ดำเนินการไปแล้ว และกระตุ้นเตือนให้ผู้นำประเทศเอาจริงเอาจังกับการระบาดของโรคเอดส์
สถานการณ์เอดส์ล่าสุดเมื่อปลายปี พ.ศ.2550 ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อเอดส์ 33.2 ล้านคน ร้อยละ 93 เป็นผู้ใหญ่ เสียชีวิต 2.1 ล้านคน โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละ 2.1 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 333,000 คน
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมได้กล่าวถึงบทบาทของผู้นำในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาเอดส์ในระดับประเทศ ปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมในกลุ่มผู้หญิงและเด็กในการรับบริการดูแลรักษา การบริหารงบประมาณที่ทำให้เกิดการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ที่ยั่งยืน ในส่วนของประเทศไทยได้นำเสนอความก้าวหน้าของการป้องกันแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ที่เน้นหนัก 4 เรื่อง คือ ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปัญหาการติดเชื้อเอดส์หลักๆ ของไทยร้อยละ 80 เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย การให้ยาต้านไวรัสเอดส์ในผู้ติดเชื้อเอชไอวี ขณะนี้มีผู้ป่วยได้รับยาแล้ว 180,000 ราย
การให้ยาต้านไวรัสแก่กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี เพื่อลดการติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก ซึ่งไทยทำได้ผลดีมาก จากการทำโครงการเต็มพื้นที่ในปี 2542 สามารถลดอัตราการติดเชื้อลงจากร้อยละ 30 ในปี 2534 เหลือเพียงร้อยละ 5.6 ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติให้ถ่ายทอดประสบการณ์ความสำเร็จในที่ประชุมผู้นำกว่า 30 ประเทศ ซึ่งไทยได้เน้นจุดเด่นคือมีการให้ความรู้ด้านอนามัยเจริญพันธุ์ การป้องกันการติดเชื้อ และการบริการให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่องกับหญิงตั้งครรภ์และสามี ให้ปลอดจากโรคเอดส์ด้วย
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ รัฐบาลได้อนุมัติการขยายโครงการให้เมทาโดน (Methadone) ชนิดกิน บำบัดผู้ติดเฮโรอีนทั่วประเทศซึ่งมีประมาณ 15,000 คน ในโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อเอชไอวีลงด้วย ซึ่งที่ผ่านมาจากการทดลองนำร่องในกลุ่มผู้ติดเฮโรอีน ควบคู่การให้คำปรึกษา สามารถลดการติดเชื้อเอชไอวีจากเดิมร้อยละ 50 เหลือเพียงร้อยละ 25 และรัฐไม่ต้องแจกเข็มฉีดยา นโยบายนี้จะทำให้ผู้ที่ติดเฮโรอีนเข้าสู่ระบบการบำบัดมากขึ้น โดยสามารถเข้ารับบริการได้ที่คลินิกยาเสพติดทั่วประเทศฟรี มาตรการรวมทั้งหมดนี้ จากการประเมินผลล่าสุดพบว่าไทยสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในปี 2551 เหลือจำนวน 13,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าช่วง 18 ปีก่อนถึง 10 เท่าตัว
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า สำหรับในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดมาตรการเร่งรัดการดำเนินการป้องกันการติดเชื้อเอดส์ โดยส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มผู้ติดเชื้อ กลุ่มชายรักชาย กลุ่มผู้ให้และผู้ใช้บริการทางเพศ กลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มเสี่ยงอื่นๆให้มากขึ้น สนับสนุนการมีอาสาสมัครผู้ติดเชื้อที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้ติดเชื้อด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ให้มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความรู้ประชาชนทั่วไป รวมทั้งมีมาตรการอื่นๆ สู่กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เพื่อที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ลงให้เหลือประมาณ 6,000 ราย ภายในปี 2553
