คนไทยป่วยเป็นเบาหวาน 3 ล้านคน กว่าครึ่งเป็นโรคโดยไม่รู้ตัว แถมผู้ป่วยเบาหวานกว่า 5 แสนคนมีภาวะแทรกซ้อน เบาหวานขึ้นตาเสี่ยงตาบอด 25 เท่า สธ.เร่งให้ทุกจังหวัดตรวจคัดกรอง ค้นหาผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงเพื่อป้องกันก่อนสายเกินแก้ อย่างน้อยปีละครั้ง
วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จ.ตาก นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดโครงการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนทางตาจากโรคเบาหวาน เพื่อศึกษาหารูปแบบการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางตาที่เหมาะสมและคุ้มค่า โดยจัดฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถตรวจค้นหาความผิดปกติทางตาในผู้ป่วยเบาหวาน และให้บริการตรวจคัดกรองในพื้นที่ มีผู้ผ่านการอบรมจาก จ.พิษณุโลก อุตรดิตถ์ สุโขทัย เพชรบูรณ์ และตาก 44 คน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจอประสาทตาเป็นที่ปรึกษาและติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด การประชุมในวันนี้เป็นการชี้แจงแนวนโยบายการดำเนินโครงการแก่ผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และให้บริการตรวจตาแก่ผู้ป่วยเบาหวาน จ.ตาก 320 คน
นายไชยา กล่าวว่า ขณะนี้โรคเบาหวานเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ล่าสุดในปี 2547พบเป็นโรคเบาหวานร้อยละ 7 หรือประมาณ 3 ล้านคน โดยพบในเขตกรุงเทพฯ สูงสุด เฉลี่ยร้อยละ 11 ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ตรวจพบเกินครึ่งไม่รู้ตัวว่าเป็นโรค โดยมีผู้ป่วยเบาหวานประมาณ 4 แสนราย หรือประมาณร้อยละ 12 เท่านั้นที่สามารถปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ ทำให้การรักษาได้ผลดี
ปัญหาสำคัญของผู้ป่วยเบาหวาน คือ การควบคุมระดับน้ำตาล หากควบคุมเบาหวานได้ไม่ดีจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในหลายระบบของร่างกาย ที่สำคัญคือจอประสาทตาเสื่อม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเบาหวานขึ้นตา หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้ตาบอดอย่างถาวร นอกจากนี้ เบาหวานยังเป็นสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้เกิดไตวายถึงร้อยละ 70 ในปีนี้ได้มอบนโยบายให้ทุกจังหวัดเร่งป้องกันปัญหาเบาหวานขึ้นตา โดยเน้นการตรวจคัดกรองผู้ป่วยเบาหวาน ค้นหาความผิดปกติ ให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกอำเภอ อย่างน้อยปีละครั้ง โดยให้กรมการแพทย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการตรวจด้วยกล้องถ่ายภาพจอประสาทตาระบบดิจิตอล เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ ตาไม่บอด
ด้านนพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานหลายปี จะมีผลทำให้เส้นเลือดฝอยทั่วร่างกายเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะที่สำคัญ โดยเฉพาะที่ตา ทำให้ผนังหลอดเลือดในจอประสาทตาเกิดความผิดปกติ มีเลือดออกในตา น้ำวุ้นตาขุ่นมัว จอประสาทตาลอก หรือที่เรียกว่าเบาหวานขึ้นตา และทำให้ตาบอด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ตาบอดเป็นอันดับ 2 รองจากตาต้อกระจก ขณะนี้พบผู้ป่วยเบาหวานขึ้นตาประมาณร้อยละ 20 ของผู้ป่วยหรือประมาณ 5 แสนคน มีความเสี่ยงตาบอดสูงกว่าผู้ป่วยทั่วไป 25 เท่าตัว
ในการแก้ไขป้องกันปัญหาตาบอดจากเบาหวานขึ้นตา กรมการแพทย์ได้จัดทำโครงการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนทางตาจากโรคเบาหวาน โดยใช้กล้องถ่ายภาพจอประสาทตาระบบดิจิตอล ราคาตัวละ 1 ล้านบาท ในการตรวจค้นหาความผิดปกติทางตา โดยจัดอบรมพยาบาลวิชาชีพให้สามารถถ่ายภาพและอ่านผลได้ หากพบความผิดปกติในระยะเริ่มต้นจะแนะนำให้ควบคุมระดับน้ำตาล หากผิดปกติระยะรุนแรงจะส่งต่อให้จักษุแพทย์ เพื่อตรวจยืนยันและรักษาตามความเหมาะสม ในปีนี้นำร่อง 2 จังหวัด ได้แก่ จ.ตาก และตรัง สำหรับ จ.ตาก จะให้บริการจนถึงเดือนกันยายน 2551
วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จ.ตาก นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดโครงการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนทางตาจากโรคเบาหวาน เพื่อศึกษาหารูปแบบการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางตาที่เหมาะสมและคุ้มค่า โดยจัดฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถตรวจค้นหาความผิดปกติทางตาในผู้ป่วยเบาหวาน และให้บริการตรวจคัดกรองในพื้นที่ มีผู้ผ่านการอบรมจาก จ.พิษณุโลก อุตรดิตถ์ สุโขทัย เพชรบูรณ์ และตาก 44 คน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจอประสาทตาเป็นที่ปรึกษาและติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด การประชุมในวันนี้เป็นการชี้แจงแนวนโยบายการดำเนินโครงการแก่ผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และให้บริการตรวจตาแก่ผู้ป่วยเบาหวาน จ.ตาก 320 คน
นายไชยา กล่าวว่า ขณะนี้โรคเบาหวานเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ล่าสุดในปี 2547พบเป็นโรคเบาหวานร้อยละ 7 หรือประมาณ 3 ล้านคน โดยพบในเขตกรุงเทพฯ สูงสุด เฉลี่ยร้อยละ 11 ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ตรวจพบเกินครึ่งไม่รู้ตัวว่าเป็นโรค โดยมีผู้ป่วยเบาหวานประมาณ 4 แสนราย หรือประมาณร้อยละ 12 เท่านั้นที่สามารถปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ ทำให้การรักษาได้ผลดี
ปัญหาสำคัญของผู้ป่วยเบาหวาน คือ การควบคุมระดับน้ำตาล หากควบคุมเบาหวานได้ไม่ดีจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในหลายระบบของร่างกาย ที่สำคัญคือจอประสาทตาเสื่อม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเบาหวานขึ้นตา หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้ตาบอดอย่างถาวร นอกจากนี้ เบาหวานยังเป็นสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้เกิดไตวายถึงร้อยละ 70 ในปีนี้ได้มอบนโยบายให้ทุกจังหวัดเร่งป้องกันปัญหาเบาหวานขึ้นตา โดยเน้นการตรวจคัดกรองผู้ป่วยเบาหวาน ค้นหาความผิดปกติ ให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกอำเภอ อย่างน้อยปีละครั้ง โดยให้กรมการแพทย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการตรวจด้วยกล้องถ่ายภาพจอประสาทตาระบบดิจิตอล เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ ตาไม่บอด
ด้านนพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานหลายปี จะมีผลทำให้เส้นเลือดฝอยทั่วร่างกายเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะที่สำคัญ โดยเฉพาะที่ตา ทำให้ผนังหลอดเลือดในจอประสาทตาเกิดความผิดปกติ มีเลือดออกในตา น้ำวุ้นตาขุ่นมัว จอประสาทตาลอก หรือที่เรียกว่าเบาหวานขึ้นตา และทำให้ตาบอด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ตาบอดเป็นอันดับ 2 รองจากตาต้อกระจก ขณะนี้พบผู้ป่วยเบาหวานขึ้นตาประมาณร้อยละ 20 ของผู้ป่วยหรือประมาณ 5 แสนคน มีความเสี่ยงตาบอดสูงกว่าผู้ป่วยทั่วไป 25 เท่าตัว
ในการแก้ไขป้องกันปัญหาตาบอดจากเบาหวานขึ้นตา กรมการแพทย์ได้จัดทำโครงการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนทางตาจากโรคเบาหวาน โดยใช้กล้องถ่ายภาพจอประสาทตาระบบดิจิตอล ราคาตัวละ 1 ล้านบาท ในการตรวจค้นหาความผิดปกติทางตา โดยจัดอบรมพยาบาลวิชาชีพให้สามารถถ่ายภาพและอ่านผลได้ หากพบความผิดปกติในระยะเริ่มต้นจะแนะนำให้ควบคุมระดับน้ำตาล หากผิดปกติระยะรุนแรงจะส่งต่อให้จักษุแพทย์ เพื่อตรวจยืนยันและรักษาตามความเหมาะสม ในปีนี้นำร่อง 2 จังหวัด ได้แก่ จ.ตาก และตรัง สำหรับ จ.ตาก จะให้บริการจนถึงเดือนกันยายน 2551
