สกอ.เร่งจัดระเบียบมหาวิทยาลัยรัฐ-เอกชน ย้ำทุกแห่งต้องผ่านการประเมินเพื่อรับรองวิทยฐานะ แห่งไหนไม่ดีพอ ห้ามเปิดสอนทั้งปริญญาตรี โทและเอก หวังลบภาพ เรียนง่าย จ่ายครบ จบแน่
นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงผลการประชุม กกอ.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า มีการหารือเรื่องการจัดระบบการรับรองวิทยฐานะของสถาบันอุดมศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐ และมหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งการรับรองวิทยฐานะมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนแตกต่างกัน เพราะของมหาวิทยาลัยรัฐเมื่อได้รับการรับรองแล้วก็จะใช้ได้ตลอดชีวิต แต่ของมหาวิทยาลัยเอกชนยังไม่สมบูรณ์ หลายแห่งยังเข้าใจผิดเรื่องการรับรองหลักสูตร ว่า เป็นเรื่องเดียวกับการรับรองวิทยฐานะสถาบัน ซึ่งการรับรองวิทยฐานะสถาบันนั้นจะดูทั้งเรื่องศักยภาพและความพร้อมของมหาวิทยาลัยในการจัดการศึกษาในระดับ ทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก
สำหรับระบบการประเมินวิทยฐานะของสถาบันนั้นจะประเมินทุก 5 ปี หากสถาบันไหนไม่ผ่านการประเมินก็จะไม่ได้รับการรับรองวิทยฐานะให้เปิดการเรียนการสอนในระดับนั้นๆ โดยจะมีเกณฑ์ประเมินอยู่ 2 แนวทาง คือ 1.เรื่องความพร้อมทางกายภาพของมหาวิทยาลัย ทั้งครู บุคลากรทางการศึกษาว่ามีพอเพียงหรือไม่ 2.มหาวิทยาลัยสามารถปฏิบัติภารกิจ ด้านงานสอน และงานวิจัยเป็นอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม การรับรองวิทยฐานะของสถาบันต่างๆ นั้น จะต้องกำหนดเป็นมาตรฐานที่ชัดเจน ว่า มหาวิทยาลัยที่รับการประเมินจะเป็นมหาวิทยาลัยระดับใด เป็นมหาวิทยาลัยวิจัย หรือมหาวิทยาลัยเฉพาะทาง และควรจะมีระบบการตรวจสอบเพื่อรับรองวิทยฐานะสถาบันเหล่านี้อย่างไร
“สมัยก่อนยังไม่มีระบบนี้ ซึ่งมหาวิทยาลัยของรัฐเมื่อได้รับการรับรองวิทยฐานะสถาบันไปแล้ว มหาวิทยาลัยจะสามารถใช้ได้ตลอดชีวิต ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยเอกชนที่ต้องผ่านการประเมิน อย่างไรก็ดี ระบบนี้จะช่วยให้สังคมรับรู้ศักยภาพของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง หากนำมาเปรียบเทียบจะรู้ว่าแต่ละแห่งมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด ที่ผ่านมา เรายังไม่มีการรับรองที่เป็นรูปธรรม และคิดว่าการประเมินวิทยฐานะสถาบันจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพของมหาวิทยาลัยที่บอกว่า เรียนง่าย จ่ายครบ จบแน่ ได้” นายสุเมธ กล่าว
นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงผลการประชุม กกอ.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า มีการหารือเรื่องการจัดระบบการรับรองวิทยฐานะของสถาบันอุดมศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐ และมหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งการรับรองวิทยฐานะมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนแตกต่างกัน เพราะของมหาวิทยาลัยรัฐเมื่อได้รับการรับรองแล้วก็จะใช้ได้ตลอดชีวิต แต่ของมหาวิทยาลัยเอกชนยังไม่สมบูรณ์ หลายแห่งยังเข้าใจผิดเรื่องการรับรองหลักสูตร ว่า เป็นเรื่องเดียวกับการรับรองวิทยฐานะสถาบัน ซึ่งการรับรองวิทยฐานะสถาบันนั้นจะดูทั้งเรื่องศักยภาพและความพร้อมของมหาวิทยาลัยในการจัดการศึกษาในระดับ ทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก
สำหรับระบบการประเมินวิทยฐานะของสถาบันนั้นจะประเมินทุก 5 ปี หากสถาบันไหนไม่ผ่านการประเมินก็จะไม่ได้รับการรับรองวิทยฐานะให้เปิดการเรียนการสอนในระดับนั้นๆ โดยจะมีเกณฑ์ประเมินอยู่ 2 แนวทาง คือ 1.เรื่องความพร้อมทางกายภาพของมหาวิทยาลัย ทั้งครู บุคลากรทางการศึกษาว่ามีพอเพียงหรือไม่ 2.มหาวิทยาลัยสามารถปฏิบัติภารกิจ ด้านงานสอน และงานวิจัยเป็นอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม การรับรองวิทยฐานะของสถาบันต่างๆ นั้น จะต้องกำหนดเป็นมาตรฐานที่ชัดเจน ว่า มหาวิทยาลัยที่รับการประเมินจะเป็นมหาวิทยาลัยระดับใด เป็นมหาวิทยาลัยวิจัย หรือมหาวิทยาลัยเฉพาะทาง และควรจะมีระบบการตรวจสอบเพื่อรับรองวิทยฐานะสถาบันเหล่านี้อย่างไร
“สมัยก่อนยังไม่มีระบบนี้ ซึ่งมหาวิทยาลัยของรัฐเมื่อได้รับการรับรองวิทยฐานะสถาบันไปแล้ว มหาวิทยาลัยจะสามารถใช้ได้ตลอดชีวิต ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยเอกชนที่ต้องผ่านการประเมิน อย่างไรก็ดี ระบบนี้จะช่วยให้สังคมรับรู้ศักยภาพของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง หากนำมาเปรียบเทียบจะรู้ว่าแต่ละแห่งมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด ที่ผ่านมา เรายังไม่มีการรับรองที่เป็นรูปธรรม และคิดว่าการประเมินวิทยฐานะสถาบันจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพของมหาวิทยาลัยที่บอกว่า เรียนง่าย จ่ายครบ จบแน่ ได้” นายสุเมธ กล่าว
