“คุณหญิงกษมา” ใช้งบประมาณจูงใจโรงเรียนขนาดเล็กให้ลดจำนวนครูลง โดยจัดสื่อการเรียนการสอน และใช้วิธีสอนรวมชั้นเรียนแทนการยุบโรงเรียนขนาดเล็ก เนื่องจากหน่วยงานด้านอัตรากำลังพิจารณาให้ยกเลิกโรงเรียนขนาดเล็ก เพราะมีครูมากแต่จำนวนนักเรียนต่อห้องน้อย
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการหารือถึงความคืบหน้าการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กนำร่อง 800 โรง โดยในปีการศึกษา 2551 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะสนับสนุนให้โรงเรียนขนาดเล็กมีคอมพิวเตอร์แห่งละ 5 เครื่อง เพื่อผ่อนภาระงานธุรการ และนักเรียนได้มีสื่อทันสมัยช่วยในการเรียน พร้อมให้โรงเรียนขนาดเล็กสอนแบบคละชั้นเรียน โดย สพฐ.จะจัดสื่อการเรียนการสอนให้ ซึ่งโรงเรียนขนาดเล็กจะต้องทำให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ จะจ้างเจ้าหน้าที่ธุรการเพิ่มเป็น 1 คนต่อ 4 โรงเรียน เพื่อลดภาระครูผู้สอน และได้เสนอแนะไปว่า เมื่อมีการสอนแบบคละชั้นแล้ว โรงเรียนไม่จำเป็นต้องมีครูให้ครบทุกชั้นเรียน โดยจากเดิมสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียน 8 คน ควรจะมีการปรับให้เหลือครู 1 คน ต่อนักเรียน 20 คนให้ได้ ดังนั้น หากโรงเรียนใดมีแนวโน้มที่จะสามารถปรับครูที่เกินออกไปได้ สพฐ.จะสนับสนุนให้โรงเรียนได้รับงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อนำไปพัฒนาโรงเรียนด้วย ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่ง เนื่องจากที่ผ่านมาโรงเรียนขนาดเล็กจะมีครู 1 คน ต่อนักเรียน 3 คน หรือครู 1 คน ต่อนักเรียน 8 คน ทั้งที่ตามสัดส่วนแล้วจะต้องมีครู 1 คน ต่อ นักเรียน 25 คน
คุณหญิงกษมา กล่าวอีกว่า การที่โรงเรียนขนาดเล็กมีจำนวนครูมากแต่นักเรียนต่อห้องน้อย ทำให้หน่วยงานที่พิจารณาด้านอัตรากำลังจำเป็นจะต้องยุบโรงเรียนขนาดเล็กลง โดยตามสภาพความเป็นจริง สพฐ.ไม่สามารถทำได้ แต่ได้เรียนรู้จากโรงเรียนขนาดเล็กของต่างประเทศ ซึ่งพบโรงเรียนขนาดเล็กไม่จำเป็นจะต้องมีครูครบชั้นเรียน แต่จะใช้วิธีนำนักเรียน ป.1 มาเรียนร่วมกับนักเรียน ป.2 และยังมีวิธีจัดการเรียนการสอนที่ครูสามารถสอนเด็กในกลุ่มอายุที่หลากหลายได้ ทำให้ลดจำนวนครูได้ และการบริหารบุคลากรในภาพรวมมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งการนำร่องโรงเรียนขนาดเล็ก 800 โรง ต้องการพิสูจน์ว่า โรงเรียนขนาดเล็กไม่จำเป็นจะต้องถูกยุบ แต่สามารถอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร หากทำสำเร็จจะขยายผลไปสู่การดำเนินงานด้านๆ อื่นด้วย
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการหารือถึงความคืบหน้าการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กนำร่อง 800 โรง โดยในปีการศึกษา 2551 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะสนับสนุนให้โรงเรียนขนาดเล็กมีคอมพิวเตอร์แห่งละ 5 เครื่อง เพื่อผ่อนภาระงานธุรการ และนักเรียนได้มีสื่อทันสมัยช่วยในการเรียน พร้อมให้โรงเรียนขนาดเล็กสอนแบบคละชั้นเรียน โดย สพฐ.จะจัดสื่อการเรียนการสอนให้ ซึ่งโรงเรียนขนาดเล็กจะต้องทำให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ จะจ้างเจ้าหน้าที่ธุรการเพิ่มเป็น 1 คนต่อ 4 โรงเรียน เพื่อลดภาระครูผู้สอน และได้เสนอแนะไปว่า เมื่อมีการสอนแบบคละชั้นแล้ว โรงเรียนไม่จำเป็นต้องมีครูให้ครบทุกชั้นเรียน โดยจากเดิมสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียน 8 คน ควรจะมีการปรับให้เหลือครู 1 คน ต่อนักเรียน 20 คนให้ได้ ดังนั้น หากโรงเรียนใดมีแนวโน้มที่จะสามารถปรับครูที่เกินออกไปได้ สพฐ.จะสนับสนุนให้โรงเรียนได้รับงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อนำไปพัฒนาโรงเรียนด้วย ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่ง เนื่องจากที่ผ่านมาโรงเรียนขนาดเล็กจะมีครู 1 คน ต่อนักเรียน 3 คน หรือครู 1 คน ต่อนักเรียน 8 คน ทั้งที่ตามสัดส่วนแล้วจะต้องมีครู 1 คน ต่อ นักเรียน 25 คน
คุณหญิงกษมา กล่าวอีกว่า การที่โรงเรียนขนาดเล็กมีจำนวนครูมากแต่นักเรียนต่อห้องน้อย ทำให้หน่วยงานที่พิจารณาด้านอัตรากำลังจำเป็นจะต้องยุบโรงเรียนขนาดเล็กลง โดยตามสภาพความเป็นจริง สพฐ.ไม่สามารถทำได้ แต่ได้เรียนรู้จากโรงเรียนขนาดเล็กของต่างประเทศ ซึ่งพบโรงเรียนขนาดเล็กไม่จำเป็นจะต้องมีครูครบชั้นเรียน แต่จะใช้วิธีนำนักเรียน ป.1 มาเรียนร่วมกับนักเรียน ป.2 และยังมีวิธีจัดการเรียนการสอนที่ครูสามารถสอนเด็กในกลุ่มอายุที่หลากหลายได้ ทำให้ลดจำนวนครูได้ และการบริหารบุคลากรในภาพรวมมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งการนำร่องโรงเรียนขนาดเล็ก 800 โรง ต้องการพิสูจน์ว่า โรงเรียนขนาดเล็กไม่จำเป็นจะต้องถูกยุบ แต่สามารถอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร หากทำสำเร็จจะขยายผลไปสู่การดำเนินงานด้านๆ อื่นด้วย
